บันทึกส่วนตัว : ดูหนังที่หาดใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน….จวบยุคปัจจุบัน (ปี พ.ศ.2555)   Share

บันทึกส่วนตัว : ดูหนังที่หาดใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน….จวบยุคปัจจุบัน (ปี พ.ศ.2555)

สมัยเมื่อประมาณ 30 ปีก่อนในความทรงจำอันเริ่มจะลางเลือนของผู้เขียน หาดใหญ่ยังไม่เจริญเฉกเช่นยุคปัจจุบัน ถนนหนทางหลายแห่งยังคงเป็นถนนดินแดง รถรายังไม่มากนัก การคมนาคมส่วนใหญ่ผู้คนยังนิยมโดยสารรถประจำทาง ตุ๊กตุ๊ก และรถสองแถว ทีวีในสมัยก่อน(ราวปี พ.ศ.2524)ส่วนใหญ่ผู้คนยังนิยมบริโภคเป็นทีวีภาพขาว-ดำกันอยู่ สถานีโทรทัศน์เองก็มีกันอยู่แค่ 4 ช่อง โดยเริ่มออกอากาศเปิดสถานีตอนตี 5 ปิดเวลาประมาณเที่ยงคืนตรง ความบันเทิงเกี่ยวกับเรื่องการดูหนัง(โดยเฉพาะหนังสยองขวัญ)นั้นหนังดีๆส่วนใหญ่หาชมยาก นอกจากเข้าไปดูในวิกในโรงภาพยนตร์ในเมือง หรือตามไปดูเป็นหนังกลางแปลงแถวบ้านกับเลือกดูในทีวีแล้วนี่ ก็ต้องเก็บสะสมเงินเพื่อซื้อเครื่องเล่น-เช่าม้วน VDO มาดูอย่างเดียว(ซึ่งสมัยนั้นเครื่องเล่น VDO ถือเป็นสินค้าราคาแพงสำหรับคนมีรายได้สูงเท่านั้น)

“หนังกลางแปลง” หรือที่คนหาดใหญ่สมัยเมื่อราว 30 ปีก่อนเรียกว่า “หนังขายยา” หรือ “หนังเร่” มักเป็นที่นิยมและได้รับความสนอกสนใจจากเด็ก, วัยรุ่น รวมถึงผู้ใหญ่-คนเฒ่าคนแก่โดยทั่วไป เพราะนอกจากความบันเทิงในการรับฟังเพลงจากคลื่นวิทยุ การชมละคร-หนังจากทีวีภาพขาว-ดำ หนังตะลุง / มโนราห์ แล้วก็คงมีหนังกลางแปลงนี่แหล่ะที่เป็นเครื่องสนองความบันเทิงเริงใจในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดีในยุคสมัยที่ความเจริญทางวัตถุนิยมยังห่างไกลจากยุคปัจจุบันอยู่มาก

หนังกลางแปลงในสมัยก่อนที่หาดใหญ่ในความทรงจำของผู้เขียนมีกันอยู่ 3 จำพวก คือ 1. หนังกลางแปลงประเภทฉายกั้นผ้าเก็บเงิน 2. หนังกลางแปลงประเภทได้รับการว่าจ้างให้มาเปิดฉาย และ 3. หนังขายยา หรือหนังเร่ หนังประเภทสุดท้ายนี้มักจะมีการหยุดฉายตอนกลางเรื่องเพื่อขายยา และลูกอบ /ขนมขบเคี้ยวประเภทต่างๆ

ปกติคนหาดใหญ่จะคุ้นเคยกับหนังกลางแปลงประเภทแรกเสียมากกว่า คือหนังประเภทฉายกั้นผ้าเก็บเงิน ที่ผู้เขียนพอจำได้นี่ก็เป็นลานฉายหนังกลางแปลงแถวเยื้องๆกับวัดคลองเรียน สถานที่แห่งนี้เองแต่ก่อนเป็นลานกว้างพอประมาณ ก่อนวันฉายหนังจะมีการแจกใบปลิว ใบโฆษณาติดประกาศตามสถานที่ต่างๆที่ผู้คนพลุกพล่าน นอกจากนี้ก็เป็นการบอกกันปากต่อปากของเด็ก และวัยรุ่นในสมัยนั้นกันเอง วันฉายหนังกลางแปลง ทีมงานจะจัดวางจอหนังให้ได้ในมุมที่ดูดีที่สุด จัดระบบเครื่องเสียง และใช้ผ้าใบ หรือผ้าสีขาวหนาๆมาขึงเป็นกำแพงล้อมรอบ 4 ทิศ กำแพงผ้าที่ขึงนี้เองกะเอาด้วยสายตาแล้วคงสูงราว 2 เมตรเห็นจะได้ ช่วงหัวค่ำขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่ไม่สามารถทำการฉายหนังได้ นายหนังกลางแปลงจะเปิดเครื่องเสียง-ดนตรีให้ดังเข้าไว้เพื่อเรียกลูกค้า-คนใช้บริการ นอกจากนี้ก็ยังมีเสียงจากโทรโข่งขนาดย่อมๆดังคลอกับเสียงดนตรีมาเป็นระยะเพื่อชักจูงให้คนเข้ามาดูหนังกลางแปลงกันมากๆ พอฟ้าเริ่มมืดสนิทของกินก็มาวางขายกันเต็มลานรอบๆกำแพงโรงหนัง ผู้ชมเริ่มต่อแถวเพื่อจ่ายเงินเข้าโรง สนนราคาการดูหนังกลางแปลง 1 เรื่องในสมัยนั้นคือ 1 บาท



ผู้เขียนก็เคยเข้าไปดูนะหนังกลางแปลงแบบกั้นผ้าเก็บเงินหน้าโรง คือตามพี่ๆแถวบ้านเข้าไปดูเพราะอยากรู้ว่าเสียงที่มันดังๆอยู่ในแนวกั้นผ้าสีขาวน่ะ มันคือเสียงอะไร เข้าไปดูอะไรกัน? แต่เพราะผู้เขียนอายุยังน้อย(ราว 5 ขวบ) เลยสนุกสนานกับการวิ่งเล่นในแนวกั้นรั้วผ้าเสียมากกว่า พอหนังจบก็บอกไม่ได้ว่าดูเรื่องอะไรไปบ้าง สนุกสนานแบบเด็กๆ(ฮา) อีกนิดดด….ขอพูดเกี่ยวกับหนังประเภทที่ 3 เสียหน่อย หนังขายยา หรือหนังเร่ ประมาณปี พ.ศ.2526 มีคณะหนังขายยาคณะหนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดทางภาคเหนือเพื่อมาเยี่ยมญาติที่หาดใหญ่แถวซอยบ้านผู้เขียน พักกันอยู่หลายวันจนใกล้เดินทางกลับ ทางคณะหนังขายยาเลยอยากตอบแทนญาติๆที่เคยให้ความช่วยเหลือในหลายๆเรื่องในครั้งอดีตด้วยการจัดฉายหนังให้คนในซอยบ้านผมได้ชมกันฟรีๆ 1 เรื่อง ตอนนั้นคุณป้าท่านหนึ่ง(ญาติกับทางคณะฉายหนัง)ถามผมซึ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆมาแอบยืนดูด้วยความสนใจว่า “แล้วลูกอยากดูหนังเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ” ผมในวัยเด็กตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “อยากดูหนังสยองขวัญครับ” คืนนั้นเลยได้นั่งดูหนังขายยาหน้าบ้านเรื่อง งูผี เป็นผลตอบแทนที่อุตส่าไปยืนเฝ้าคณะฉายหนังเร่ทั้งวันด้วยความสนใจ ฉายเรื่องแรกจบก็ต่อด้วยเรื่อง ใต้ฟ้าสีคราม หนังเรื่องนี้เพลงเปิดตัวไพเราะดีครับ แต่ทนดูได้แค่ 30 นาทีก็ง่วงล่ะ

กระโดดมาที่ประมาณต้นปี พ.ศ.2532 (โดยประมาณ) Big Cinema ได้เริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกทางช่อง 7 โดยการฉายครั้งแรกนี้เองประเดิมด้วยหนังสยองขวัญเรื่อง “สัตว์สยอง” เป็นที่ฮือฮากันมากในสมัยนั้น โดยในช่วงนี้เองที่ทางโรงภาพยนตร์ในหาดใหญ่เริ่มมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว หนังดังๆจากต่างประเทศและในเมืองไทยจึงเริ่มทยอยเข้ามากวาดเงินบาทเข้ากระเป๋ากันอย่างสนุก ส่วนสนนราคาในการรับชมหนังในโรงภาพยนตร์หาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 24 - 40 บาท นอกจากนี้การที่เครื่องเล่น VDO เริ่มมีราคาถูกลงและกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคระดับชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดขายม้วน VDO เจริญเติบโตขึ้นตามลำดับด้วยเช่นเดียวกับโรงหนัง ร้านเช่าม้วน VDO ทั้งกิจการเล็กๆระดับครอบครัวไปจนถึงกิจการใหญ่โตข้ามชาติอย่างร้านซึทาญ่าของญี่ปุ่นเริ่มมีเข้ามาให้ได้เห็นบ้างแล้วในหาดใหญ่(หาดใหญ่ : ร้านซึทาญ่าเริ่มเข้ามาเจาะตลาดคนรักหนังราวหลังปี พ.ศ.2540) สมัยก่อนนี้เองที่ค่าเช่าม้วน VDO หนึ่งเรื่องสนนราคาแค่ 20 บาท โดยบางร้านถ้าเช่าถึง 5 ม้วนจะมีบริการตามเก็บถึงที่พัก(ให้ดูได้ 7 วัน / เช่น ร้านวัฒนาศิลป์ สุดสาย 3) คิดว่าหลายคนคงเคยได้รับชม เปรตเดินดินกินเนื้อคน ฉบับม้วน VDO กันมาแล้ว แน่นอนว่ามีให้เช่าที่ร้านซึทาญ่า สาขาถนนศรีภูวนารถ ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ไม่มีตัดทอนใดใดทั้งสิ้น

ในหาดใหญ่ม้วน VDO ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่งจวบจนยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไปในราวปี พ.ศ.2544 เมื่อตลาดของหนังแผ่นประเภท VCD เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้ เริ่มจากร้านซึทาญ่าตรงหน้าห้างไดอาน่า สาขาถนนศรีภูวนารถ เริ่มมีมุมสำหรับให้บริการเช่าแผ่นหนัง VCD และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่เหลือม้วน VDO ภายในร้านแม้แต่ม้วนเดียว ร้านค้าในเมืองหาดใหญ่ไล่ตั้งแต่ร้านแบกะดินยันร้านใหญ่-สุดหรูอย่างร้านบอส (แถวกลางสาย 3) เริ่มทยอยโล๊ะม้วน VDO ขายทิ้งในราคาถูกให้นักนิยมบริโภคของเก่าได้เลือกซื้อหาเพื่อสะสมกัน จากที่เคยขายกันม้วนละหลายร้อยบาทเหลือเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น(และที่สำคัญ….ซื้อ 5 แถม 1 ด้วยนะ)โดยมีการนำแผ่นหนังและแผ่นเพลง VCD เข้ามาแทนที่

ด้วยข้อเสียของม้วน VDO ที่มีขนาดใหญ่ พกพาไม่สะดวก เก็บรักษาค่อนข้างยาก(เพราะมักมีเชื้อราขึ้นเป็นประจำ) ที่สำคัญหนังม้วนแบบ VDO มักมีราคาแพง ด้วยมูลเหตุเหล่านี้เองหนังแผ่นประเภท VCD จึงถูกนำเข้ามาแทนที่อย่างง่ายดาย ด้วยรูปร่างที่เล็ก / กะทัดรัดกว่า ให้เสียงที่ใสชัดเจนกว่า รวมถึงสนนราคาเครื่องเล่นและค่าแผ่นหนังที่ไม่แพงมากเกินไป หาซื้อง่าย ถ้าใครชอบแบบสบายกระเป๋า มีหนังแผ่นแบบก๊อปปี้ให้เลือกซื้อ ประมาณ 3 แผ่น 100 เดียว อะไรประมาณนั้นแหล่ะ หนังแผ่น VCD จึงเริ่มเป็นที่นิยมในหาดใหญ่เป็นอย่างมาก

อนึ่ง เกี่ยวกับม้วน VDO ที่มักเกิดราขึ้น และการทำความสะอาดแผ่น VCD แบบบ้านๆที่หาดใหญ่ ที่ผู้เขียนเคยรู้มานะ อย่างแรกม้วน VDO ที่มักเกิดราขึ้นเพราะความชื้นอยู่บ่อยๆ เชื้อราดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นขุยขาวๆขึ้นตรงบริเวณแถบบันทึกสีดำในม้วน VDO เข้าใจกันว่าถ้าเชื้อราสีขาวนี้เปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองเมื่อไหร่จะไม่สามารถนำม้วน VDO มาเล่นได้อีก(คือเสีย ต้องทิ้งอย่างเดียว) วิธีการล้างราสีขาวในม้วน VDO สมัยก่อนก็คือนำม้วนเทปดังกล่าวมาทำการล้างรากับเครื่องล้างเฉพาะ(ราคาสมัยนั้นประมาณ 1,500 บาท) ตัวเครื่องเล่น VDO ก็มีม้วนล้างหัวที่เรียกกันสมัยนั้นว่า “Super King” (ราคา 249 บาท) ส่วนการทำความสะอาดแผ่น VCD เคยเห็นพวกพ่อค้าที่ตลาดเปิดท้ายหาดใหญ่นำแผ่นที่ลูกค้าอ้างว่าเป็นแผ่นเสียมาแก้ไขให้สามารถดูได้อีกครั้ง โดยใช้น้ำยาจากขวดยาดมชนิดต่างๆทาลงไปบนแผ่น VCD (ตรงส่วนบันทึกข้อมูล)แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าผืนเล็กๆ เอามาทดลองเปิดดู ปรากฏว่าดูได้เป็นปกติ คงเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านจากสิ่งที่มีอยู่รอบตัวน่ะ

ปัจจุบันแผ่นหนัง VCD ยังคงได้รับความนิยมในหาดใหญ่อยู่จวบจนทุกวันนี้ ถึงแม้กระแสบางช่วงจะซบเซาลงไปบ้างก็ตามที มีแผ่นหนัง DVD และ Blu-ray Disc เข้ามาปันส่วนแบ่งของตลาด แต่เพราะว่าราคาที่ถูกลงมากกว่าแต่ก่อนของ VCD เลยทำให้แผ่นหนังประเภทนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่คนดูหนังเรื่อยมา แม้ยอมรับกันว่ายุคปี 2553 เป็นต้นมา การดูหนังโดยแผ่น DVD จะได้รับความนิยมสูงขึ้นมากด้วยสืบเนื่องจากระบบเสียงที่คมชัดขึ้น ระบบภาพที่ดีกว่า VCD ก็ตามที แต่ช่วงหลังๆ VCD, DVD และ Blu-ray Disc ต่างตกอยู่ภายใต้กระแสการโหลดหนังฟรีในโลกไซเบอร์เข้าโจมตีอย่างหนักหน่วง จนหลายๆค่ายเก็บผลกำไรได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ยอดขายตก บางค่ายขาดทุนล้มหายตายจากไปเลยก็มี โลกไซเบอร์-โลกส่วนใหญ่ของวัยรุ่นยุคนี้สมัยนี้ กับการนั่งโหลดหนังฟรีมาดูที่บ้านอย่างสบายอารมณ์ ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเดินเลือกซื้อ ไม่ต้องจ่ายเงินให้สิ้นเปลือง มีความรู้นิดหน่อย มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แค่นี้ก็สามารถหาหนังที่เป็นที่นิยมมาดูได้อย่างสบายๆ มีทั้งหนังเก่า-ใหม่มีให้ได้เลือกหามากมายหลากหลาย นั่งโหลดกัน 10 วัน10 คืนก็ไม่มีหมด นั่งมองปัจจุบันแล้วย้อนภาพกลับไปยังอดีตเราได้เห็นคลื่นลูกหนึ่งถาโถมเข้าสู่ฝั่งอย่างรุนแรงและน่ากลัว เวลาผ่านไปเพียงไม่นานคลื่นลูกแรกหมดกำลังลง อ่อนล้า และถูกคลื่นลูกที่สองถาโถมเข้าใส่อย่างน่ายำเกรง ไม่นานนักคลื่นลูกที่สองเองก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นเพียงกระแสน้ำที่ไร้พลังอำนาจ ไร้ทิศทาง ชั่วอึดใจคลื่นลูกใหม่ก็กำลังก่อตัวขึ้นและท้าทายคลื่นสองลูกแรกอย่างอหังการ นั่งพิมพ์มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงหนังสือชื่อ The Third Wave ของ อัลวิน ทอฟเลอร์ เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมา ยกแก้วกาแฟดำขมๆขึ้นมาดื่มอย่างเชื่องช้า มองคลื่นอีกลูกที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างอาจอง โลกใบนี้เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว…………


เครดิตบทความ / ภาพประกอบ : http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.84


ม้วน VDO สำหรับใช้ดูหนังสมัยก่อน มีราคาที่ค่อนข้างแพง….คนที่สงขลามักเรียก “เครื่องเล่น VDO” ว่า “เครื่องฉายหนัง” ส่วนภาพประกอบข้างล่างเป็นม้วน VDO ที่ผู้เขียนซื้อเก็บสะสมไว้ระหว่างปี พ.ศ.2536-2544












อันนี้คือเครื่องล้างม้วน VDO ฝากญาติหิ้วมาจากประเทศมาเลเซียราวปี พ.ศ.2537…..ใช้ดีมาก ปัจจุบันก็ยังใช้งานได้อยู่ ราคาในตอนนั้นประมาณ 1,500 บาท





เครื่องเล่น VDO รุ่น SD1 ซื้อไว้ราวปี พ.ศ.2538 ตอนนั้นราคาประมาณ 8,500 บาท ปัจจุบันยังใช้ได้อยู่นะ



อันนี้เป็นม้วน VDO ล้างหัวอ่านเครื่องเล่น…..ราคา 249 บาท ปัจจุบันใช้งานไม่ได้แล้ว เก็บไว้เป็นที่ระลึกเฉยๆ ^^



ความคิดเห็นที่ 1

พูดถึงเครื่องเล่น VDO แล้ว เมื่อประมาณปี 2546 LG ได้ผลิตเครื่องเล่นแบบ 3 in 1 ขึ้นมา คือเล่นไดทั้ง VDO, VCD และDVD ไม่รู้ว่าตอนนี้จะหาซื้อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ความคิดเห็นที่ 2

^

^

^

เคยเห็นเมื่อนานมาเเล้วครับเจ้าเครื่องคล้ายๆตัวนี้ เเต่ได้ข่าวว่าติดปัญหาที่ราคาเเพง คนเลยไม่นิยม T T"

ความคิดเห็นที่ 3

แอร้ย ผมล่ะชอบนักแหละ ของเก่าๆเนี่ย ><


Function Used time : 0:0:0:46