บทรีวิวร้อนๆ หนังระทึกขวัญสายพันธุ์อันตราย : Flower & Snake : Zero / 2014 (ดอกไม้งามกับอสรพิษ….)

Flower & Snake : Zero / 2014 หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ Hana to hebi : Zero หนังแนวระทึกขวัญสายพันธุ์อันตรายแดนปลาดิบโดยผู้กำกับ Hajime Hashimoto มี Takehiko Minato เขียนบท หนังสร้างจากรากของนวนิยายสุดอื้อฉาวแต่ขายดี-มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าในสาย S&M (ซาโดมาโซคิสม์) ของ Oniroku Dan เรื่อง Flower and Snake

ใน Flower & Snake : Zero / 2014 บอกเล่าเรื่องราวของ Misaki Amemiya ตำรวจหญิงผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืนและศิลปะการป้องกันตัวชั้นสูงจากสำนักงานความปลอดภัยชุมชน-ญี่ปุ่น และทีมงานสายสืบมืออาชีพที่ถูกส่งตัวลงพื้นที่เพื่อเป้าหมาย-ปฏิบัติการณ์ลับสุดยอด กับภารกิจสอบสวนคดีอันตรายอันเป็นที่กล่าวขวัญถึงของผู้คนในสังคมวงกว้าง เรื่องราวการเผยแพร่เว็บไซต์ VDO ออนไลน์ใต้ดินผิดกฎหมายขององค์กรลึกลับที่เรียกตนเองว่า “Babylon” ซึ่งก็คือเว็บไซต์ระบบบอกรับสมาชิกแบบปิด ที่เหล่าสมาชิกชั้นสูง (ระดับ VIP) ต้องใช้และเสียเงินจำนวนมากเพื่อเข้าชมการแสดง “นาฏกรรมมนุษย์” ในวันและเวลาตามกำหนด ที่ซึ่งนาฏกรรมมนุษย์นี้ก็คือชื่อเรียก และการแสดงชั้นสูงในสายของ S&M คือเวทีการแสดงอันมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นสมัยโบราณ กลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักที่ยอมจ่ายในราคาสูงลิบเพื่อการรับชอบอย่างใกล้ชิดติดขอบเวที รวมถึงการถ่ายทอดสดการแสดงผ่านระบบปิดบนโลกโซเชี่ยล หนังบอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักแสดงชายหญิงที่ต้องทนเจ็บทั้งกายและวิญญาณ เพื่อสนองตัญหาราคะกลุ่มคนดูรสนิยมสุดวิปลาสที่ต้องการเห็นฉากจบสุดท้ายของการแสดงในแต่ละวันจบลงที่ความตายของนักแสดงสาวสวยที่พวกเขา (และเธอ) ร่วมหมายตาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ Misaki Amemiya ตำรวจหญิงคนเก่งของเรื่องถูกล่อหลอกจากกลุ่มองค์กร Babylon จนตกหลุมพรางที่พวกมันวางไว้ และค่อยๆกลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงบนเวทีอเวจีปิดตายอย่างชนิดกู่ยังไงก็ไม่มีทางกลับ……

ความเห็นส่วนตัวของผู้ทำรีวิว : หลังจากที่สามภาคแรกของ Flower & Snake ถูกปล่อยของออกมาให้ได้ยลโฉมกันไปแล้วในปี 2004 (ภาคแรก) Flower & Snake โดย Takashi Ishii, ในปี 2005 (ภาค 2) Flower & Snake 2 หรือ Hana to hebi 2: Pari / Shizuko โดย Takashi Ishii, และในปี 2010 (ภาค 3) Flower & Snake 3 โดย Yusuke Narita กับภาคต่อล่าสุดประจำปี 2014 อย่าง Flower & Snake : Zero โดย Hajime Hashimoto (เปลี่ยนคนกำกับ-ดูแลมาแล้ว 3 คน)

ใน Flower & Snake : Zero หนังยังคงรักษาขนบ-รากวัฒนธรรมของศิลปะการทรมานมนุษย์โดยใช้ “เชือกรัด” ได้อย่างลงตัวและสวยงามเฉกเช่นเดียวกับสามภาคแรก แต่ที่มีการเสริมเข้าไปในตัวหนังเรื่องนี้จนมันรู้สึกว่า “ลงตัว-สมส่วน-สวยงาม ประหนึ่งงานศิลป์ชั้นสูง” เห็นจะเป็นการใส่เพิ่มฉากไล่ล่า สังหารโหด และบทดราม่าจำเพราะเจาะลึกในแต่ละตัวละครลงไปด้วย ทำให้คนดูได้แลเห็นพื้นหลังของตัวละครเหล่านั้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดจึงมาจบลง ณ จุดบรรจบเดียวกันดังที่เห็บบนเวทีการแสดง ตอนที่ได้ไฟล์หนังเรื่องนี้ฉบับ HD ไม่มีเซ็นเซอร์ใดใดมาไว้ในครอบครอง และได้ดูมันจนจบ ปรากฏว่าภาพ ฉาก และการตัดต่อเล่นแสงเล่นเงาเล่นมุมมองภายในหนังเรื่องนี้สามารถสร้างออกมาได้อย่างสวยงามและลงตัวเป็นอย่างมาก หลายฉากที่ออกแนวอีโรติกผู้กำกับสามารถใช้มุมกล้องมาช่วยกันไว้ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ดูน่าเกลียดจนเกินงาม…..

ฉากในตำนานอันตราตรึง : ใน Flower & Snake : Zero เห็นจะมีอยู่ 2 ฉากกลักใหญ่ๆ (ความเห็นส่วนตัว) ฉากแรกคือฉากนางโชว์ทั้งสามถูกมัดให้ลอยไว้บนเวทีแสดง หลังจากที่ถูกเฆี่ยนตีโดยแส้อยู่เป็นเวลาไม่นาน เจ้าหล่อน (ทั้งสาม) ก็ปลดปล่อยความเป็นตัวตนออกมาอย่างโจ่งแจ้งพร้อมๆกัน (เชื่อว่าฉากนี้คงเล่นเอาคนดูหลายคนเกิดอาการตื่นตะลึง-ช็อคซีนีม่ากันเป็นทิวแถว) และอีกฉากก็คือ ฉากในท้ายๆของเรื่อง ตอนที่นางเอกใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใน “ถ้ำพญางู” ปรากฏมีปืนพกขนาดจิ๋วกลับออกมาจากภายในด้วยหนึ่งกระบอก แถมมันยังยิงได้อีกหลายนัดด้วยสิ (ฉากนี้เชื่อนะว่าคนดูโดยเฉพาะคุณผู้ชาย ตาเหลือกกันไปข้าง! )