บทความพิเศษ : Real Snuff Film หนังแห่งตำนานต้องห้ามตลอดกาล และ Fake Snuff Film ในโลกแห่งหนังใต้ดิน (ฉบับปรับปรุง 5 มกราคม 2558)   Share



บทความพิเศษ : Real Snuff Film หนังแห่งตำนานต้องห้ามตลอดกาล และ Fake Snuff Film ในโลกแห่งหนังใต้ดิน (ฉบับปรับปรุง 5 มกราคม 2558)

Snuff Film (หนังต้องห้าม)
คนที่ชอบดูหนังสยองขวัญหลายๆท่านผมเชื่อล่ะว่าต้องมีได้ผ่านตาดูหนังเรื่อง Cigarette Burns มาบ้าง หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ John Carpenter ราชาหนังเขย่าขวัญแถวหน้าของโลกอีกท่านหนึ่ง ผู้สร้างหนังสยองขวัญดังๆหลายเรื่อง อาทิ Halloween และThe Thing เป็นต้น Cigarette Burns เป็นหนึ่งในหนังชุด Masters Of Horror Season 1 ว่าแต่มันมีความน่าสนใจตรงไหนนะหรือ? ครับหนังสยองขวัญเรื่อง Cigarette Burns หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “ สยองสะพรึงขวัญ ” มีเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตามเป็นยิ่ง กล่าวถึงชายผู้มีอดีตเจ็บปวดคนหนึ่งได้รับการว่าจ้างให้ช่วยสืบ-ค้นหาฟิล์มหนังสยองขวัญหายากเรื่องหนึ่งให้ ซึ่งมีตำนาน-เรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า หลังจากมีการสร้างหนังเรื่องดังกล่าวเสร็จ มีการฉายให้สาธารณะชนชมเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วก็ถูกทางการเก็บฟิล์มหนังเข้ากรุไป เพราะเชื่อว่าหนังสยองขวัญเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ที่ได้รับชมถูกทำร้ายสภาพจิตใจอย่างรุนแรง กลายเป็นบ้า

หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า “ la fin absolue du monde ” (อ่านว่า ลา-ฟิล-แอฟสลู-เดอร์-มอง) น่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศสอันตรงกันคำแปลว่า “ วันสิ้นโลก ” อะไรประมาณนี้แหล่ะ หนังสยองขวัญ-ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้เองที่เป็นมูลเหตุทำให้ผู้เขียนเก็บเอามาคิด(เล่นๆ)ว่า ไอ้หนังแบบนี้มันมีอยู่จริงน่ะหรือ? ประจวบกับในขณะนั้นผู้เขียนอยู่ระหว่างกำลังหาข้อมูลเพื่อทำวิจัยอยู่ ระหว่างที่กำลังหาข้อมูลงานวิจัยทาง Arts-Sculpture-Literature จากหนังสือ และเว็บไซต์ต่างๆก็บังเอิญไป search เจอเข้ากับเว็บไซต์แปลกๆแห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งบอกเล่าความเป็นมาของ “หนังแห่งตำนาน ” เอาไว้ หนังที่ใครๆต่างก็เรียกขานกันว่า Snuff film

เคยได้ยินกันมาบ้างรึเปล่าครับ Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์ม) หลายๆคนที่ชื่นชอบในการชมภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาท หรือหนังสยองขวัญ(Horror films)อาจจะพอได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง หลายคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร หลายคนเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นหนังแนวไหน ครับ Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์ม) หรือที่เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Snap film หรือ Short film บ้างก็เรียกกันว่า Underground (หนังใต้ดิน)

ตามที่เข้าใจกัน Snuff film เป็นส่วนหนึ่งของหนังแนว Cult Movies หรือที่นักดูหนังแนวนอกกระแสเรียกมันว่า “หนังคัลต์” อันหมายถึงหนังที่ไม่ได้รับการยอมรับกันในวงกว้าง(Mainstream)แต่กลับโดนใจคนดูบางกลุ่มอย่างรุนแรงถึงขั้นลุ่มหลง Snuff film กลายเป็นกิ่งก้านสาขาอีกส่วนหนึ่งของ Cult Movies ประหนึ่งก้านใบหรือเมล็ดร่วงหล่นภายใต้ร่มไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาแยกย่อยออกมาเจริญงอกงามในแนวทางของตนเอง Snuff film ไม่ใช่หนังในกระแสหลักของตลาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะมีกลุ่มคนโดยมากได้ดูมัน Snuff film นั้นไม่จำเป็นต้อง Sex เสมอไป ไม่จำเป็นต้อง Porn เสมอไป แต่ก็มีผู้รู้อีกหลายท่านให้ทรรศนะที่แย้งจากความเข้าใจแรกว่า Snuff film นั้นน่าที่จะเป็นแขนงหนึ่งของหนังโป๊ (Porn) ในสาย Fetish มากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่า Snuff film นั้นทำเพื่อจุดประสงค์คือสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่มในเชิง Sex อย่างเช่นหนังของกลุ่ม Serial Killer Underground / Dead Guy Cinema ที่เป็น Fake Snuff แต่ดูยังไงก็เหมือนหนังโป๊ ที่จับคนมาฆ่ากันชัด ๆ


(La Fin Absolue Du Monde)



ความคิดเห็นที่ 1



จุดกำเนิดแห่ง Snuff Film
Snuff Film คำๆนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน ในปี ค.ศ. 1916 มีนวนิยายอยู่เรื่องหนึ่งชื่อ Tarzan and The Jewels of Oper ได้กล่าวเอาไว้ในเนื้อเรื่องบางส่วนเกี่ยวกับคำว่า Snuff film อันมีความหมายไปในทิศทางที่เลวร้าย สื่อถึงหายนะและความตาย นอกจากนี้ในหนังสือเรื่อง 1971 by Ed Sanders,Family : The story of charles Manson (คัดลอกข้อมูลจากหนังสือ The New York Times, Oct. 31, 1971)ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ Manson Family (ครอบครัวแมนสัน)ผู้นำของครอบครัวนี้เป็นชายชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Charles Manson (ชาร์ลส แมนสัน)ซึ่งต่อมาประวัติส่วนตัวของแมนสันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งหนัง Snuff film

ใน wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53) กล่าวสรุปอธิบายถึงหนังแนว Snuff film เอาไว้ว่า Snuff film หมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังที่แสดงให้เห็นภาพบันทึกความตาย ภาพการสังหารบุคคล ประชาชนโดยไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ แต่เป็นการถ่ายจากของจริง

ในเว็บไซต์ listing-index.ebay (http://listing-index.ebay.com/movies/Snuff_film.html)อธิบายความหมายของ Snuff film สรุปเอาไว้ว่าหมายถึง หนังที่มุ่งให้เห็นฉากการฆาตกรรมของจริง เป็นการฆาตกรรมที่มิใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรมที่มีเจตนากระทำการอย่างชัดเจน และตัวหนังดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของคนกลุ่มหนึ่งอันไม่เป็นที่เปิดเผย

ในเว็บ kucity.kasetsart.org ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในหน้า Movie Report ในเว็บ blogging หน้า Movie Report (http://kucity.kasetsart.org/kucity/WebFormDetailBoard.aspx?BRD_ID=12445&PAGE=1) ได้กล่าวถึงเรื่องของ Snuff film เอาไว้สรุปได้ว่า กล่าวถึง Snuff film แล้วเชื่อว่าเป็นของหนัก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นประตูเพื่อเข้าไปสู่โลกมืด มีตำนานบ้าๆที่เล่ากันในหมู่คนดูหนังสยองขวัญ ว่าถ้าดู Snuff film แล้วจะทำให้เครียดมากหรือดูแล้วหลอนไปเลย ไม่สามารถจะชี้ชัดว่า Snuff film ของแท้นั้นสามารถหาดูได้จากที่ไหน

จากข้อมูลที่ได้มาเบื้องต้น ผู้เขียนจึงขอนิยามความหมายเฉพาะแห่ง Snuff film ว่า Snuff film นั้นหมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังประเภทมีฉากฆาตกรรมของจริง เนื้อหาหลักภายในหนังเน้นฉากการฆ่า ทรมาน ข่มขืนนักแสดงเสียเป็นส่วนมาก หนังแนว Snuff film ส่วนใหญ่มักนิยมถ่ายแบบ “ลองชอร์ต ไม่มีเทค” ใน Snuff film จะไม่ปรากฏรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ วัน เวลา และสถานที่ในการถ่ายทำแต่ประการใด นักแสดงตัวเอกอาจถูกหลอกมาแสดงหรือถูกวางยาที่ทำให้สติไม่ปกติ Snuff film จึงเป็นภาพบันทึกห้วงแห่งความตายที่แสนวิปริตแต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจคนบางกลุ่มถึงขั้นลุ่มหลง ยกย่องเชิดชูให้เป็นประหนึ่งอาหารเลิศรส หาชิมยาก เป็นที่ปรารถนาให้ได้มาเพื่อตอบสนองรสนิยมส่วนตัวอันแสนอันตราย Snuff film แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Snuff film แบบแท้และแบบเทียม โดย Snuff film ในแบบแท้นิยมเรียกกันว่า Real Snuff film ส่วน Snuff film แบบเทียมนิยมเรียกกันว่า Fake Snuff film


(หนังสยองขวัญเรื่อง Snuff ในปี ค.ศ. 1976)





หนังแนว Snuff film เรื่องแรกของโลก
หนังแนว Snuff film เรื่องแรกของโลก ในหนังเรื่อง Peeping Tom ในปี 1960 กล่าวถึงคดีฆาตกรรมเหยื่อแล้วถ่ายวีดีโอเก็บไว้ หนังเรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นจุดกำเนิดแห่ง Snuff film (แบบเทียม)ก็ว่าได้ แต่หากกล่าวถึง Snuff film (แบบแท้)เชื่อกันว่าเป็น Snuff film ที่ถ่ายทำโดย Charles Manson (ชาร์ลส แมนสัน) ผู้นำของ The Manson Family กลุ่มฆาตกรโรคจิตชื่อดังในอดีต โดยกลุ่ม The Manson Family ได้ทำการฆาตกรรม Sharon Tate ดาราสาววัย 26 ปีซึ่งเป็นภรรยาของ Roman Polanski ผู้กำกับหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง Rosemary's Baby หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “ทายาทซาตาน” โดยการฆาตกรรมหฤโหดในครั้งนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1969 Sharon Tate ซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอดถูกฆาตกรกลุ่ม The Manson Family แทงด้วยมีดถึง 16 แผล ตัดเต้านมทั้งเป็น กรีดชำแหละตั้งแต่บริเวณหน้าอกจนถึงอวัยวะเพศ จากนั้นกลุ่มฆาตกรเลือดเย็นจึงใช้เลือดของ Sharon Tate จุ่มด้วยแปรงเขียนคำว่า “pig” เอาไว้ทั้งที่บานหน้าต่างรวมถึงประตู และในการฆาตกรรมเหยื่อครั้งนี้หลายคนเชื่อกันว่า Charles Manson ได้ถ่ายทำหนัง Snuff film ในการฆาตกรรมเหยื่อเอาไว้ด้วย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้เห็นม้วนเทปดังกล่าว หรือมีการยืนยันว่ามันมีอยู่จริง


(จากหนังเรื่อง The Manson Family ปี 2003)

ด้วยพฤติกรรมของ Charles Manson และกลุ่ม The Manson Family ที่แสดงออกมาอาจพอวิเคราะห์ได้ว่าพวกเขาอาจมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “ก้าวร้าวโดยกำเนิด” ซึ่งเชื่อว่าเป็นการถ่ายทอดโดยยีน เมื่อมีโครโมโซมผิดปกติทำให้เกิดความก้าวร้าว โบราณเรียกว่า “เลือดชั่ว” อนึ่ง กลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด หรือเลือดชั่ว(Bad Blood)แบด บลัด ปี 1835 จิตแพทย์ชาวอังกฤษ เจมส์ ปริชาร์ด เรียกกลุ่มอาการก้าวร้าวโดยกำเนิดว่า “ผู้มีจิตป่วยในคุณธรรม” หรือ moral insanity ซึ่งปัจจุบันทางจิตวิทยาเรียกว่า “พวกต่อต้านสังคมและจิตใจเสื่อม” หรือ antisocial personality and psychopathy (ข้อมูลเรื่อง Bad Blood จากหนังสือ ซีโนโฟเบีย โดย กิติกร มีทรัพย์ และ ส. สีมา) กลุ่มตัวอย่างผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด(Bad Blood)ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ชาร์ลส์ โสภราช/อะแลง/กุรมุค อาชญากรลูกครึ่งอินเดีย-เวียดนาม สัญชาติฝรั่งเศส ชาร์ลส์ โสภราช บุรุษผู้มีบุคลิกแบบ Bad Blood หรือกลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด ซึ่งเป็นต้นแบบแห่งบทร้ายของตัวเอกในภาพยนตร์สยองขวัญชื่อก้องโลก The Silence of the Lambs ซึ่งแสดงโดย เซอร์แอนโธนี่ ฮอพกิ้นส์(ข้อมูลเรื่อง Bad Blood จากหนังสือ Bad Blood โดย ริชาร์ด เนวลิส และจูลี่ คลาร์ก สองผู้สื่อข่าวชาวออสเตรเลีย)


มาต่อกันอีกหน่อยเกี่ยวกับเรื่องการบันทึกเทปวีดีโอของ Charles Manson เชื่อกันว่าม้วนเทปม้วนที่ Charles Manson ได้ทำการถ่ายทำฉากการฆาตกรรม Sharon Tate นี้เอง กลายเป็น “หนังแห่งตำนาน” เรื่องหนึ่งที่เป็นที่กล่าวขานในหมู่นักดูหนังสยองขวัญแนว Snuff film จากทั่วทุกมุมโลก บ้างก็มีข่าวลือกันว่าม้วนเทปดังกล่าวได้ถูกทำลายทิ้ง หรือถูกจำหน่ายไปในตลาดมืดด้วยสนนราคาที่สูงลิบ อย่างไรก็ตามเรื่องราวของ Charles Manson และสมุนโฉดกลุ่ม The Manson Family กลับได้รับความสนใจจากประชาชน นักเขียน รวมถึงผู้กำกับหนังหลายคน หยิบยกเอาประวัติสุดโฉดชั่วของ Charles Manson มาทำเป็นหนังสือเสียหลายเล่ม(หนึ่งในนั้นก็คือ 1971 by Ed Sanders,Family : The story of charles Manson)

ปี ค.ศ. 1976 หนังสยองขวัญชื่อ Snuff ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเล่าลือกันว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติของ Charles Manson เล่าลือกันหนักเข้าไปอีกในหมู่คนดูหนังสยองขวัญว่าหนังเรื่อง Snuff ที่กำลังเข้าฉายในโรงหนัง ณ ห้วงเวลานั้นมีการฆ่านักแสดงกันจริงๆ โกลาหลกันใหญ่ว่านักแสดงในเรื่องตายจริง สุดท้ายทางผู้กำกับต้องออกมาประกาศว่าเป็นเพียงการโหมกระแสของทางผู้จัดจำหน่ายหนัง มิใช่เป็นการตายจริงแบบการถ่ายทำ Snuff film แท้แต่ประการใด ความโกลาหลวุ่นวายในหมู่ผู้ชมจึงสงบลง อย่างไรก็ตามแต่ในปี ค.ศ. 2003 หนังเกี่ยวกับประวัติของ Charles Manson ก็ออกฉายจนได้ โดยใช้ชื่อว่า The Manson Family(2003) อำนวยการสร้างและเขียนบทโดย Jim Van Bebber โดยในหนังได้ Marcelo Games มารับบทแสดงเป็น Charles Manson


(Charles Manson / August 1, 1996)

ความคิดเห็นที่ 2


Real Snuff film หนังแห่งตำนานต้องห้ามตลอดกาล
จากการบันทึกข้อมูลใน wikipedia (http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53) ได้กล่าวอ้างถึง Real Snuff film เอาไว้ถึง 5 กลุ่มตัวอย่างคดี (ที่ได้รับการเปิดเผย) ซึ่งหมายถึงเป็นการถ่ายทำ Snuff film ของแท้แบบเล่นจริงตายจริงที่มิใช่เป็นแบบ Fake Snuff film แต่ประการใด กลุ่มตัวอย่างคดีแรกคือเรื่องราวที่ได้บันทึกเอาไว้ระหว่างปี ค.ศ. 1983-1985 กับการบันทึกเทปวีดีโอของ Charles Ng และ Leonard Lake ซึ่งทั้ง 2 เป็นฆาตกรโหดในกลุ่มที่กล่าวอ้างมาข้างต้น Charles Ng หรือ Charles Chi-Tat Ng ชายสัญชาติ Chinese และนาย Leonard Lake สัญชาติ American ได้ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อสาว และทรมานด้วยกรรมวิธีต่างๆจนถึงแก่ความตาย ที่ขาดเสียไม่ได้เลยคือทั้ง Charles Ng และ Leonard Lake ได้บันทึกเทปวีดีโอในการทรมานเหยื่อของเขาเอาไว้ด้วย

กลุ่มตัวอย่างคดีต่อมากล่าวถึง Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka คู่รักสุดหล่อ-สวยประหนึ่งเทวดาและนางฟ้าที่หวานปานจะกลืนกินจากประเทศแคนาดา เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 กับ Paul Bernardo ผู้ได้รับฉายา “นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์” กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว-ข่มขืน และฆาตกรรมเด็กสาว 2 คนอย่างทารุณ นอกจากนี้ Paul Bernardo และ Karla Homolka ยังได้บันทึกเทปวีดีโอขณะลงมือข่มขืนเหยื่อ และยังทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการหั่นศพแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ ปรากฏหลังจากทั้งคู่ถูกจับ Paul Bernardo ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วน Karla Homolka ภรรยาสาวถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 2005 ปัจจุบันเทปวีดีโอที่ Paul Bernardo ร่วมกับภรรยาในการฆาตกรรมเหยื่อกำลังเป็นที่ต้องการของนักสะสมของแปลก ซึ่งราคาค่างวดที่มีคนจ้องจะซื้อมันนั้นสูงลิบ!!! ซึ่งก็ยังเชื่อกันว่าเทปม้วนดังกล่าวยังคงอยู่ในความครอบครองของทางการแคนาดาจวบจนทุกวันนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก บทความชุดฆาตกรโหดสะท้านโลก ตอนที่ 248 : Paul Bernardo & Karla Homolka ตอนที่ 1-4 โดย writer.dek-d.com)

กลุ่มตัวอย่างคดีที่ 3 คดีนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1997 เป็นเรื่องที่ Ernst Dieter Korzen และ Stefan Michael Mahn สองหนุ่มชาวเยอรมันได้ร่วมกันล่อลวงและลักพาตัวโสเภณีมากักขังหน่วงเหนี่ยว กระทำอนาจาร ข่มขืน และสุดท้ายก็ฆ่าเหยื่อด้วยของมีคมชนิดต่างๆ ต่อมามีหญิงสาวนางหนึ่งหลบหนีออกมาได้ทั้งสองจึงถูกจับพร้อมเทปของกลางมากมาย ส่วนมูลเหตุและแรงจูงใจให้ทั้งสองกระทำการดังกล่าวก็คือเงินที่ได้ในการขายหนังแนว Snuff film (Real Snuff film)ให้กับคนในตลาดมืด ทั้งสองถูกจับและถูกศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต และตามรายงานบันทึกเอาไว้ด้วยว่า Ernst Dieter Korzen และ Stefan Michael Mahn เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกๆที่ถูกจับในคดีทำ Snuff film (Real Snuff film) เพื่อขายในเชิงพาณิช


(Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka)


กลุ่มตัวอย่างคดีที่ 4 เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2001 โดยฆาตกรที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการถ่ายทำ Snuff film (Real Snuff film) รายนี้มีชื่อว่า Armin Meiwes ชายชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียงดังก้องโลกด้วยฉายา Rotenburg Cannibal (มนุษย์กินคนแห่งโรเธนเบิร์ก) หรืออีกฉายาคือ The Cannibal Cafe (ซึ่งคำว่า The Cannibal Cafe นี้เองใช้เรียกชื่อกลุ่มที่มีความชื่นชอบรับประทานเนื้อคนในเว็บไซต์อันตรายแห่งหนึ่ง) Armin Meiwes เกย์หนุ่มวัย 41 ขวบได้ใช้ Internet ป่าวประกาศออกไปเพื่อหาอาสาสมัครมาให้เขากินเป็นอาหารมื้อค่ำ ปรากฏมีผู้อาสา(มาเป็นอาหาร)ให้ Armin Meiwes กินเกือบ 300 คน หนึ่งในหลายคนนั้นก็คือ Bernd Jürgen Armando Brandes ที่ตกมาเป็นอาหารอันโอชะของเขา

จากคำให้การในทางลับได้ข้อมูลว่า Bernd Jürgen Armando Brandes ซื้อตั๋วเดินทางโดยสารรถไฟแบบเที่ยวเดียว(ไปแบบไม่กลับ) ทั้ง Armin Meiwes และ Brandes ได้ร่วมกันสร้างสัมพันธ์ที่แนบแน่น(ตามประสาเกย์)กันในห้องนอน จวบจนถึงเวลาที่ได้นัดหมาย Brandes กินยานอนหลับเข้าไปถึง 20 เม็ด นอกจากนั้นยังกินของอีกหลายอย่างรวมถึงเหล้า schnapps เพื่อให้เกิดอาการมึนเมา(จะได้ถูกกินแบบไม่เจ็บปวดมาก) ผลก็คือ Armin Meiwes ได้กิน Bernd Jürgen Armando Brandes สมใจอยาก พร้อมทั้งมีการบันทึกวีดีโอขั้นตอน+กรรมวิธีในการทานดินเนอร์มื้อนั้นเอาไว้อย่างละเอียด หลังจาก Armin Meiwes ถูกจับกุมตัวได้ก็ปรากฏว่ามีผู้สนใจในประวัติของมนุษย์กินคนรายนี้มากถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล จนมีการสร้างหนังเกี่ยวกับ Armin Meiwes ขึ้นมาในปี ค.ศ. 2006 ใช้ชื่อว่า Cannibal ได้ Marian DoraMeiwes เขียนบทหนังและอำนวยการสร้าง ส่วนนักแสดงก็ได้ Carsten Frank รับบทเป็น Armin Meiwes ส่วน Victor Brandl รับบทเป็นผู้อาสาถูกกิน Bernd Jürgen Brandes


(Armin Meiwes ฉายา “มนุษย์กินคนแห่งโรเธนเบิร์ก” )


กลุ่มตัวอย่างคดีสุดท้ายเกิดขึ้นในราวเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2007 ในรายของ Viktor Sayenko และ Igor Suprunyuck สองเด็กหนุ่มวัยรุ่นหัวก้าวร้าวได้ช่วยกันทุบตีเหยื่อด้วยค้อน และแทงด้วยไขควงจนเหยื่อถึงแก่ความตาย โดยระหว่างที่มีการทำร้ายและฆ่าเหยื่อทิ้งนี้เองเด็กทั้งสอง(ความจริงมีเด็กอีกคนร่วมด้วยชื่อ Alexander Hanzha)ได้ถ่ายคลิปดังกล่าวไว้ในโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งเอาไปเผยแพร่ใน Internet ด้วยความคึกคะนอง กลายเป็นข่าวดังในเว็บไซต์ และตามหน้าหนังสือพิมพ์หัวสีไปหลายวัน ซึ่งในคลิปวีดีโอที่ได้อัพโหลดใน Youtube (เข้าใจว่าลงไว้หลายแห่ง)ได้ทำให้ผู้ที่ได้รับชมถึงกับตกตะลึงกับพฤติกรรมอำมหิตดังกล่าวที่ได้พาลพบประสบเจอ ปัจจุบันทั้ง Viktor Sayenko และ Igor Suprunyuck ถูกจับกุมและกำลังชดใช้กรรมที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ ณ สถานที่คุมขังแห่งหนึ่ง (ข้อมูลเพิ่มเติมทั้ง 5 กลุ่มตัวอย่างคดีจาก Wikipedia ภาคภาษาอังกฤษ ใน http://en.wikipedia.org/wiki/Snuff_film วันที่ 26 กรกฎาคม 53) โดย Snuff Film ที่ Viktor Sayenko, Igor Suprunyuck และ Alexander Hanzha ได้ร่วมกันถ่ายทำในครั้งนั้นมีชื่อว่า “3 guys 1 hammer” เด็ก 3 คนนี้ใช้ชื่อกลุ่มว่า Dnepropetrovsk Maniacs



(Viktor Sayenko, Igor Suprunyuck and Alexander Hanzha)

ความคิดเห็นที่ 3



Real Snuff Film : ที่ถูกเผยแพร่ทางโลกของ Social Media (สังคมออนไลน์)
นอกจาก 5 กลุ่มตัวอย่างที่ทาง Wikipedia ได้นำมาเผยแพร่ไว้เบื้องต้นแล้วนั้น ยังปรากฏมี Real Snuff Film ที่ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกของ Social Media (สังคมออนไลน์) ทำให้หลายคนอาจได้เห็น ได้ชม ได้สัมผัสถึงภาพวินาทีแห่งความตายอันทุกข์ทรมานของเหยื่อ-และนักล่าผู้โหดเหี้ยมในวาระสุดท้ายอย่างวิปลาส ผู้เขียนจึงขอนำเสนอเรื่องราวของคลิป Real Snuff Film (เพิ่มเติม) อันถือเป็นคลิปที่กล่าวขวัญกันในแวดวงสนทนาในโลกของ Social Media (ด้านมืด) เพิ่มเติมจากช่วงแรก ดังต่อไปนี้….

1. Real Snuff Film : Luka Magnotta // ว่ากันว่าเป็นคลิปที่ดาราหนังโป๊ชาวแคนาดาลงมือฆ่านักศึกษาจีนอย่างโหดเหี้ยม เหตุจากความหึงหวงในแบบคู่ขา (เกย์) เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศแคนาดา โดยในคลิปสุดอื้อฉาวที่มีการเผยแพร่-แชร์กันในโลก Social Media อย่างกว้างขวาง เป็นภาพที่นาย Luka Magnotta กำลังลงมือฆ่า-ชำแหละเหยื่อด้วยมีด รวมถึงข่มขืนเหยื่อ-หั่นเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ และนำศพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมากินเป็นอาหารอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากคลิปนี้หลุดออกไป มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงตามเว็บบอร์ดต่างๆ รวมถึงในเว็บเพจและ Facebook





2. Real Snuff Film : “Evil Does Not Need Guns ***WARNING*** GRAPHIC*** ” (หรือคลิปเลื่อยไฟฟ้าสังหารเหยื่อสองราย) คลิปนี้เท่าที่ทำการเช็คต้นสายปลายทางคาดว่าเป็นคลิปที่เกิดขึ้น ณ ประเทศใดประเทศหนึ่งทางแถบอเมริกาใต้ บางแหล่งข่าวว่าเป็นการหักหลังกันเองของแก๊งค์ค้ายาเสพติด หรือบ้างก็เล่าว่าเป็นตำรวจสายสืบที่ถูกจับได้โดยแก๊งค์ค้ายาเสพติด จึงลงมือสังหารโหด (เชือดไก่ให้ลิงดู) แล้วอัดเป็นคลิป VDO ออกเผยแพร่ในโลกของ Social Media เพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม



3. Real Snuff Film : “*WARNING GRAPHIC* - Off with her head.” (หรือคลิปฆ่าตัดศีรษะหญิงสาวนางหนึ่ง) เล่าลือกันว่าเป็นคลิปที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก (ราวปี 2010) หญิงสาวที่กำลังมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับชายคนอื่น ประกอบกับสามีขี้หึงของเจ้าหล่อนที่แอบทราบเรื่องดังกล่าวนี้อย่างลับๆ เมื่อถูกสาวคนรักสวมเขาให้ เขาจึงนัดหมายกับเพื่อ (ให้ช่วยมาถ่ายคลิป VDO สำหรับอัพโหลดลง Social Media) จัดแจงเวลาเหมาะเจาะได้สำเร็จ จึงลงมือใช้มีดฆ่า และบั่นคอของหญิงคนรักจนหลุดออกจากบ่าอย่างสุดสยดสยองเป็นที่สุด



4. Real Snuff Film : “** GRAPHIC** ** Volume warning And brutal Execution** 18+....FSA/Al nusra terrorists executing syrian soldiers” (คลิปสังหารหมู่ในประเทศซีเรีย) เป็นภาพการสังหารหมู่เชลยกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง (ราว 10 คน) คือค่อยๆใช้ปืนจ่อศีรษะแล้วยิงทิ้งทีละคนอย่างโหดเหี้ยมสุดๆ…


อนึ่ง นอกจากนี้ยังมี Real Snuff Film ที่ได้รับการเผยแพร่ในโลกของ Social Media (สังคมออนไลน์) ในยุคปัจจุบันอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศที่ผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึง…. (เหตุผลส่วนตัว)

ความคิดเห็นที่ 4



Fake Snuff Film ในโลกแห่งหนังใต้ดิน

หลังจากกระแสของ Snuff film จากหนังเรื่อง Snuff ได้เข้ามาปลุกอณูแห่งความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่ควรของนักดูหนัง ก็ปรากฏมีหนังแนว Snuff film (Fake Snuff film)ทยอยออกมาให้นักดูหนังแนวนอกกระแสได้ชมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูเหมือนว่าหนังเรื่อง Faces of Death (1978)หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “แอบดูเป็นแอบดูตาย” จะเจริญรอยตามหนังเรื่อง Snuff อย่างไม่มีผิดเพี้ยน กล่าวคือหนังอาศัยเทคนิคการถ่ายทำแบบ Home Video ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในยุคสมัยนั้น มาทำการตัดต่อกันเข้าเป็นหนัง อันประกอบด้วยเหตุการณ์ฆาตกรรม อุบัติเหตุ การประหารชีวิตนักโทษในประเทศต่างๆ แล้วประกาศออกมาว่าเหตุการณ์ในหนังเป็นเรื่องจริง(ส่วนใหญ่เป็นฉากแหกตา) บวกกับคำขู่หน้าโรงที่ว่า “เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนเป็นโรคหัวใจงดรับชมเด็ดขาด” ได้ผลเกินคาด คำโปรยหน้าโรงหนังเล่นกับความกล้าของคนดู เล่นกับนิสัยของคนดู ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หนังเลยขายได้จนต้องสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายภาค ต่อจากหนังเรื่อง Faces of Death (1978)ซึ่งเข้าใจกันว่าเป็นภาคที่ 4 (จาก 8 ภาค)ก็มาถึงหนังแนวสารคดีกึ่ง Snuff film (Real Snuff film)ที่จัดว่าดังแบบเงียบๆแต่หนักมากหากท่านจะหามารับชม หนังเรื่องนี้ออกแนว Faces of Death แต่ภาพโดยรวมส่วนใหญ่ในหนังเชื่อกันว่าเป็นของจริง หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Traces of death หรือชื่อภาคภาษาไทยว่า “แอบดูความตาย”

อนึ่ง แต่ก็มีท่านผู้รู้อีกหลายท่านได้ให้แง่คิดเอาไว้เกี่ยวกับหนังเรื่อง Faces of Death ว่าน่าจะถูกจัดให้แยกออกมาจากส่วนของ Snuff โดยหากจะยังเป็น Subset ของ Cult films อยู่ก็ยังนับได้ แต่โดยนัยของการพยายามนำเสนอ โดยเราจะยังไม่พูดถึง "จริงหรือหลอก" หนังในแบบ snuff นั้นพยายามสื่อ หรือใช้กลวิธีต่างๆในการถ่ายทอดให้เห็นความตายตรงหน้า ว่าเป็นคนที่ถูก"ฆ่า"ตายจริงโดยไตร่ตรองไว้ และยังมีมิติของความเป็นสิ่งต้องห้ามอยู่ในทุกอณูของหนัง เช่นการปิดบังใบหน้าของฆาตกร การไม่มีข้อมูลประกอบเสริมในรายละเอียดของตัวละครว่าเป็นใครมาจากไหน เหตุใดจำต้องฆ่า Faces of death มาฉายในไทยครั้งแรกโดยเครือพิรามิด(ปัจจุบันเป็นเอเพกซ์) ในชื่อ แปลก 25 น. ประมาณปี 1980 หลังจากนั้น Faces of death 3 ก็ตามมาในปี 1982 ในชื่อ หยุดเถิดความตาย กับเครือปิรามิดเหมือนเดิม พอมาปี 1992 นนทนันท์เอนเตอร์เทนเมน์สั่ง faces of death ภาค4 มาฉาย ในชื่อ แอบดูเป็น แอบดูตาย ทำโปรโมทเสียโด่งดัง ปีถัดมา สหมงคลฟิล์มไปเอา ภาคแรกกลับมาฉายอีก เปลี่ยนชื่อเป็น ดูเป็นดูตาย กินเป็นกินตาย หลังจากนั้นก็เป็นยุคของวีซีดี และดีวีดี เมื่อ Gorgon Video มาซื้อลิขสิทธิ faces of death ไปทำดีวีดีขาย ได้มีการเอาไปตัดต่อยำคลิป ใส่ดนตรีประกอบแนวเดธเมทัล ยำเสียจนซีรีส์ชุดนี้เละเทะไปหมด ที่ท่านได้ชมผ่านคลิปโหลด หรือดีวีดีเถื่อนทั้งหลายนั่นขอบอกว่าเละไปจากต้นฉบับอักโขทีเดียว


(The Original Faces of Death)





ปี 1980 ยุคทองแห่งหนังแนว Snuff film ถือกันว่าปี ค.ศ. 1980 เป็นยุคทองของหนังแนว Snuff film อย่างแท้จริง โดยมีหนังแนวดังกล่าวออกมาให้ชมโฉมกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นที่จะไม่กล่าวเสียมิได้คือ Snuff film เรื่อง Cannibal Holocaust ปี 1980 (ชื่อไทยว่า เปรตเดินดินกินเนื้อคน)หนังของ Ruggero Deodato ผู้กำกับหัวรุนแรงชาว Italy หนังเรื่องนี้สร้างกระแสอย่างเกรี้ยวกราดในการเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในหลายๆประเทศ กับฉากมุมมองผ่านกล้อง Home Video ของวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกันชนกับการเดินทางเข้าไปถ่ายทำสารคดีป่ากินคน-ชนเผ่ากินคนในป่าอเมซอน ฉากที่เป็นที่กล่าวขานกันว่าช็อคคนดูทั่วโลกจนถึงกับมีคนตั้งคำถามขึ้นว่า “สิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นเพียงหนังหรือเรื่องจริง?” ฉากดังกล่าวนี้ก็คือฉากที่หญิงสาวชาวป่าถูกข่มขืนแล้วจับเอาไม้ปลายแหลมมาเสียบเข้าที่รูทวารทะลุถึงปาก นอกจากนี้ก็ยังมีฉากในตำนาน ซึ่งก็คือฉากการฆ่าตะพาบน้ำขนาดใหญ่(ฉากนี้ของจริงครับ) ปรากฏว่าหลังจากหนังเรื่อง Cannibal Holocaust ออกฉายได้ไม่นาน Ruggero Deodato ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์เป็นการใหญ่ข้อหาทรมานสัตว์ และฆ่าสัตว์เพื่อถ่ายทำสารคดี


(Cannibal Holocaust เปรตเดินดินกินเนื้อคนในปี 1980)



หนังในตระกูล Guinea Pig ราวปี ค.ศ. 1985 หนังในตระกูล Guinea Pig หรือซีรี่ย์ Guinea Pig นี้เองถือว่าเป็นหนังแนว Snuff film แบบเทียมที่โด่งดังที่สุดในทวีป Asia โดยเฉพาะภาค Guinea Pig : Devils Experiment (ศิลปะแห่งมาร)ซึ่งเน้นการทรมานหญิงสาวที่ถูกพันธนาการในรูปแบบต่างๆ หลายๆคนถึงกับเชื่อว่ามันเป็นของจริงและไม่สามารถทนดูให้จบลงได้ แต่หากจะพูดถึงซีรี่ย์ Guinea Pig ซึ่งมีทั้งหมด 7 ภาค(รวมภาคพิเศษด้วยก็เป็น 8 )ภาคที่ได้รับการกล่าวขานว่าสร้างออกมาได้สมจริงชวนวิงเวียนอ้วกแตกมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood (ดอกไม้โลหิต)ซึ่งก็คือตอนที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสยองขวัญเรื่อง M Collection ตอน Akai Hana ด้วยภาคนี้เองที่ทำให้ Charlie Sheen ดาราฮอลีวูด ที่ได้ดูเข้าถึงกับตกใจเป็นที่สุด และเข้าใจว่า Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood ที่ได้ดูจนจบเป็น Real Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์มของจริง)เลยทำการติดต่อ MPAA (Motion Picture Association of America)และ FBI ให้ช่วยสืบสวนคดีดังกล่าว

จนในที่สุด Hideshi Hino ผู้กำกับต้องเอาเบื้องหลังการถ่ายทำออกมาแสดงให้ตำรวจดูว่าไม่ใช่ Real Snuff film แต่เป็นเพียง Fake Snuff film ที่สร้างได้อย่างเหมือนจริงสุดๆเท่านั้น ผู้กำกับจึงรอดคุกไปแบบฉิวเฉียด นอกจากนี้ยังปรากฏคดีฆาตกรรมอื้อฉาวในประเทศญี่ปุ่นโดยฆาตกรนามว่า Tsutomu Miyazaki ซึ่งเล่าลือกันว่าได้มูลเหตุและแรงจูงใจมาจากการชมภาพยนตร์ซีรี่ย์ Guinea Pig กระทำการฆาตกรรมเด็กผู้หญิง 4 รายเลียนแบบหนัง Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood โดย Tsutomu Miyazaki เองซึ่งขณะนั้นอยู่ในกลุ่ม “โอตากุ” ได้ทำให้พวก “โอตากุ” กลายเป็นเป้าและจำเลยของสังคมไปอย่างช่วยไม่ได้ ยังผลให้เกิดกระแสการต่อต้านพวก “โอตากุ” ในลักษณะต่างๆนานา สุดท้าย Tsutomu Miyazaki ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเรือนจำกรุงโตเกียวในวันที่ 17 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2008 และจากคดีฆาตกรรมดังกล่าวนี้เองส่งผลให้ซีรี่ย์ Guinea Pig ต้องถูกทางการญี่ปุ่นสั่งแบนตลอดกาล กลายเป็นหนังต้องห้ามที่ห้ามสร้างภาคต่อโดยเด็ดขาด ซีรี่ย์ Guinea Pig จึงยุติการสร้างลงที่ภาคที่ 7

อนึ่ง เกี่ยวกับ “โอตากุ” หรือ “โอตาคุ” หมายถึง กลุ่มบุคคลผู้ซึ่งลุ่มหลงในโลกแห่งการ์ตูน และ อนิเมชั่น กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวการ์ตูนหรืออนิเมชั่นในระดับ rare จากสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่ยาก จะเห็นได้ว่าบางคนมีของสะสมเป็นระดับ Ultimate Rare เยอะมากๆ และด้วยความหมกมุ่นอย่างหนักในโลกของอนิเมชั่น ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง"เด็ก"ผู้หญิงในชีวิตจริงกับในอนิเมชั่นได้ ทำให้การรับรู้ด้านความสวยงามเกี่ยวกับผู้หญิงจริงๆสูญเสียไป พวกนี้จะคิดว่า"เด็ก"ผู้หญิงที่น่ารักคือผู้ที่มี หูแมว หูหมา หูกระต่าย ชุดเมด เท่านั้น สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้กลายมาเป็นพวก โอตาคุ ส่วนมากจะมาจาก การที่ไม่สามารถสมหวังในความรัก ( อกหัก , สาวไม่แล ) ดังนั้น จึงต้องมาปลอบประโลมตัวเองด้วยโลกสมมุติที่ตัวเองสร้างขึ้นจากความใฝ ฝันและหลงใหลในตัวละครของการ์ตูนและอนิเมชั่น เรียกได้ว่า พวกนี้คือพวกที่บ้าการ์ตูนนั่นเอง (ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง โอตาคุ ที่มา http://www.gamer-gate.net/ วันที่ 26 กรกฎาคม 2553)


(Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood หรือที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้โลหิต” )



(Tsutomu Miyazaki)

ต่อมาราวปี ค.ศ. 1992 หนังแนว Snuff film อีกเรื่องชื่อ man bites dog /RATE-NC20 (ในกรณีเรื่อง man bites dog นี่ขออนุโลมให้เป็น Snuff film ในเรื่องรูปแบบที่หยิบยืมมาจงใจให้ดูเหมือนนะครับ) ได้ออกมาฉายให้แฟนหนังแนวนอกกระแสได้ชมกัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังขาว-ดำ ลักษณะเป็นการถ่ายทำด้วยกล้องชุดใหญ่ ถ่ายชีวิตประจำวันของฆาตกรคนหนึ่งชื่อ Ben เป็นชีวิตที่ช่างแสนบัดซบสิ้นดีกับภารกิจฆ่าคนไปเรื่อยๆ(Ben รับบทโดย Benoît Poelvoorde)ผู้ชมก็จะชมการดำเนินชีวิตของ Ben ผ่านมุมกล้องวีดีโอไปจนจบเช่นกัน หนังเรื่องนี้จัดเป็นหนังแนว Snuff film ที่มีฉากและมุมกล้องสวยงาม แต่ก็แฝงไปด้วยความอันตรายของพฤติกรรมที่ตัวละครแสดงออกมา เป็นการรีดพฤติกรรมความประทับใจของ Ben (ตัวเอกของเรื่อง)ในสมองทางด้านลบ (reptile brain)อย่างสมบูรณ์แบบ หากจะกล่าวว่าตัวเอกของเรื่องเป็นคนที่มีลักษณะอยู่ในกลุ่มอาการก้าวร้าวโดยกำเนิด หรือเรียกว่า “ผู้มีจิตป่วยในคุณธรรม” หรือ moral insanity ก็คงไม่ผิด ซึ่งปัจจุบันทางจิตวิทยาเรียกว่า “พวกต่อต้านสังคมและจิตใจเสื่อม” หรือ antisocial personality and psychopathy(นิยามโดย จิตแพทย์ชาวอังกฤษ เจมส์ ปริชาร์ด ปี 1835) บ้างก็เรียกกลุ่มผู้มีอาการก้าวร้าวโดยกำเนิดว่า “เลือดชั่ว” หรือ Bad Blood

ปี ค.ศ. 1994 กับยุคแห่งการชำแหละศพในหนังสเปนเรื่อง Aftermath หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า “โคตรพ่อโคตรแม่ซอว์” กำกับและเขียนบทหนังโดย Nacho Cerdà หนังเรื่อง Aftermath ที่เอามาขายกันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำเป็นเเพคเกจขายคู่เรียกว่า Aftermath Genesis ความจริงแล้วหนังผ่าศพเรื่องนี้มีชื่อว่า Aftermath ส่วนเรื่อง Genesis นั้นเป็นเรื่องของช่างปั้นหุ่นกับภรรยาที่ตายไปไม่เกี่ยวอะไรกับ Aftermath เลยนอกจากขายเป็นแพคคู่ให้สะสมแค่นั้นเอง ตัวหนังเล่าความถึงหมอผ่าศพในห้องผ่าตัด กับมุมกล้องที่สมจริงมากๆ ฉากการผ่า ชำแหละศพ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับศพก็ทำออกมาได้ชวนสะอิดสะเอียนมาก Aftermath เกือบจะเป็นหนังเงียบ(เพราะตัวละครแทบไม่พูดกันเลยตลอดทั้งเรื่อง)ความยาวของหนังก็ราว 40 นาที สำหรับเรื่องนี้เป็น Fake Snuff film ที่หลายคนบอกว่า “รับประกันการอาเจียน”

ปี ค.ศ. 1998 กับสุดยอดหนังแนว Snuff film เรื่อง Niku daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย) แต่ที่ www.horrorclub.net นิยมเรียกกันว่า “ตุ๊กตาคนเป็น” หนังแนว Snuff film (เทียม)อีกเรื่องของประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงการล่อลวง-ว่าจ้างหญิงสาวและชายหนุ่มมาถ่ายทำหนังเรท X พอผ่านไปราว 40 นาทีกลายเป็นการทรมาน-ฆ่านายแบบและนางแบบทิ้ง ทุกขั้นตอนในการถ่ายทำของ Niku daruma ดำเนินตามวิถีแนวทางในแบบฉบับของ Snuff film ที่กล่าวถึงในตำนานเอาไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เรื่องนี้จัดว่าเป็นหนังแนวนอกกระแสหายากอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนตามหากัน น่าเสียดายนิดที่หนังเรื่อง Niku daruma มีการ censor บางจุดอันทำให้ภาพที่ออกมาลดทอนความดิบได้ในระดับหนึ่ง(นัยจะบอกว่ามิใช่เรื่องจริงนะแต่เป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่ง) นอกจากหนังเรื่อง Niku daruma แล้วในปี ค.ศ. 1998 นี้เองยังปรากฏหนังหายากแนว Snuff film อีกเรื่องหนึ่ง(หนังขาว-ดำ ความยาว 22 นาที) หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Pig (เหยื่อสังหาร) กำกับและเขียนบทโดย Mark Steven Bosko และ T. Michael Conway เป็นหนังที่ค่อนข้างดูยาก ต้องตีความหมายกันหลายตลบ เนื้อหาโดยรวมเกี่ยวกับนักฆ่าและเหยื่อของเขา(เหยื่อที่ต้องการถูกฆ่า) นอกจากหนังเรื่อง Pig จะดูเพื่อสื่อความหมายยากแล้วยังจัดเป็นหนังแนว Snuff film ที่หามารับชมยากในระดับต้นๆของโลกอีกด้วย


(Aftermath ปี ค.ศ.1994)


ปี ค.ศ. 2007 กับหนัง Snuff หายากอีกเรื่องของประเทศอาร์เจนติน่า Snuff 102 (อเวจี 102) ซึ่งเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Mariano Peralta หนังที่มีเนื้อหาดิบสุดๆแสดงออกทางเนื้อเรื่องและภาพ ตัวหนังกล่าวถึงนักข่าวสาวนางหนึ่งที่หลงใหล และกำลังหาข้อมูลเพื่อทำข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมแล้วถ่ายวีดีโดเก็บไว้ดู(Snuff film) เธอเข้ามาพัวพันกับคดีดังกล่าวมากเกินไปจนในที่สุดเธอก็ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เธอจะต้องจำไปจนวันตาย หลังจากที่ Mariano Peralta นำหนังเรื่อง Snuff 102 ออกฉายในงาน Mar del Plata International Film Festival ปี 2007 ปรากฏว่ามีข่าวลือกันอย่างหนาหูว่า ในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีผู้ชมเป็นจำนวนมากกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะทำร้ายผู้กำกับ เพราะเขา(เธอ)เหล่านั้นคิดว่าภาพที่ได้เห็นจากตัวหนัง……….เป็นเรื่องจริง!!!

ยุคแห่ง Underground ปัจจุบันเริ่มมีหนังแนว Snuff film (เทียม) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในนาม “หนังใต้ดิน” ออกมาให้ได้ชมกันมากพอสมควร(แต่ยังไงก็น้อยกว่าหนังสยองขวัญในกระแส หรือ Mainstream horror มาก) หนังแนว Underground ในปัจจุบันที่ได้พบเห็นเป็นประเภทขายภาพความรุนแรงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่นิยมเน้นที่เรื่องราวความเป็นมา การปูพื้นถึงที่มาที่ไปแห่งความรุนแรง แต่ขายความป่าเถื่อนเป็นเมนูหลัก อาทิเช่น August Underground /2001 (สิงหาโฉดโหดไม่ปราณี) August Underground's Mordum /2003(สิงหาคลั่ง) และ August Underground's Penance /2007(สิงหาวิปลาส คู่รักวิปริต) เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้เองกระแสแห่งหนังแนวนอกกระแส Cult Movies และ Snuff film (ที่เป็น Fake Snuff film)จะยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเฉพาะแนว Underground ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในสังคมกลุ่มเล็กๆในโลกใบนี้….


(Snuff 102 หนังอาร์เจนติน่า ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Mariano Peralta)

ความคิดเห็นที่ 5

ขอบคุณมากครับ กำลังสนุกเลย ฉากเอาเลื่อยไฟฟ้า ตัดคอเนี๊น ติดตาจริงๆ

ความคิดเห็นที่ 6

ขอบคุณมากค่ะ นี่แค่อ่านยังจะเป็นลม

ความคิดเห็นที่ 7

อื้อหลายเรื่องดูจาก NC20 ทำจิตตกไปหลายวันเลย ตอบโจทย์คอหนังโหดมากมาย

ความคิดเห็นที่ 8

ทำไม ฆ่าตกรรมส่วนใหญ่ เขียนคำว่า P I G คับ สงสัยมาก
เกี่ยวกับ Nazi รึป่าวคับ


Function Used time : 0:0:0:15