รีวิวหนังผีสไตล์ภารตะนิยม..กับรักของแม่ในค่ำคืนแห่ง : The Other Side of the Door / 2016

แม่ครับผมรักเเละคิดถึงคุณเเม่มากๆครับ ผมคิดถึงคุณแม่ทุกคืนเปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ…

ข้าพเจ้าไม่คิดจะดูหนังเรื่องนี้…จนกระทั้งวันหนึ่งได้เห็นชื่อของ Alexandre Aja (ผู้กำกับหนังสยองขวัญสุดหฤโหดจาก High Tension / 2003 / สับ สับ สับ)ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้าง

The Other Side of the Door / 2016 หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Az ajtón túl / 2016 เป็นหนังร่วมทุนสร้างระหว่าง India และทาง UK นอกจากจะได้หนึ่งในผู้กำกับในดวงใจของข้าพเจ้านั่งแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างแล้ว หนังยังได้ Sarah Wayne Callies จาก The Walking Dead ซีรี่ย์ เเละ Johannes Roberts กำกับ โดยมี Ernest Riera ร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้

หนังโฟกัสลงไปที่เรื่องราวของหญิงสาว(ฝรั่ง)นางหนึ่งชื่อ Maria (รับบทโดย Sarah Wayne Callies) ที่ได้พบรักและแต่งงานกับสามีชาวอินเดียอย่าง Michael (รับบทโดย Jeremy Sisto) มีลูกร่วมกัน 2 คน ชาย-หญิง อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาของบ้านหลังใหญ่และญาติพี่น้องของฝ่ายชายย่านชานเมือง-ประเทศอินเดียอย่างสงบสุข จนกระทั่งช่วงวันฝนตกหนักวันหนึ่ง Maria ขับรถยนต์พาลูกทั้งสองไปทำธุระภายในเมืองแล้วเกิดอุบัติเหตุรถชนกับราวสะพานจนตกลงไปในแม่น้ำ ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นแม่ Maria พยายามคว้าลูกทั้งสองขึ้นมาจากกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด แต่เพราะเธอใกล้หมดแรงเต็มทน จึงทำให้ต้องเลือกดึงเอาลูกเพียงคนใดคนหนึ่งขึ้นจากน้ำ เธอจำต้องปล่อยลูกคนโต(ชาย)ให้ตายคารถยนต์ที่ค่อยๆจมลงสู่ก้นแม่น้ำทั้งน้ำตา

หลายเดือนผ่านไป ทุกคนภายในครอบครัวพยายามให้กำลังใจสาวเจ้าผู้สูญเสีย แต่ดูเหมือนว่า Maria จะเกิดอาการซึมเศร้าเพราะพิษจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นอยากหนัก คืนหนึ่งเธอจึงเลือกที่จะกินยานอนหลับและยาระงับอาการซึมเศร้าจนหมดขวดเพื่อฆ่าตัวตาย เคราะห์ดีวินาทีนั้นเองที่คุณสามีของนาง (Michael)เข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงรีบอุ้มภรรยายังสาวไปโรงพยาบาล-ล้างท้อง และยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของสมาชิกในครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก สาว Maria ก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าเหมือนเดิมอีก จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ล่วงรู้ถึงพิธีกรรมลึกลับสำหรับติดต่อสื่อสารกับคนตาย มันคือ“พิธีกรรมสำหรับการพูดคุยเพื่ออำลาเป็นครั้งสุดท้าย” เธอจึงเริ่มสืบเสาะค้นหาว่าเจ้าพิธีกรรมดังกล่าวนี้มันมีอยู่ๆจริงๆหรือไม่ ( ? )

จนได้ความกระจ่างจากคนในครอบครัวและเพื่อนบ้านว่าให้ลองติดต่อหมอทำพิธีกรรมดู (หมอผีอินเดีย) หลังจากติดต่อหมอผี-จ่ายเงินค่าบูชาครูเสร็จ หมอผีก็เริ่มชักชวนคนในครอบครัวของสาว Maria ให้ไปขุดศพลูกชายของเธอขึ้นมา และเริ่มปลุกเสกเถ้าถ่านบางอย่าง ใส่ไว้ภายในกล่องไม้โบราณรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมมอบให้สาวเจ้าผู้สูญเสียบุตรชาย พลางเอ่ยวาจาว่า “ให้เจ้าจงนำสิ่งนี้เดินทางเข้าไปยังป่าศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะเจอวิหารโบราณเก่าคร่ำครึ เข้าไปข้างใน แล้วโรยเถ้าถ่านลงไปบริเวณใจกลางวิหาร เธอจะได้ติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณลูกชายของเธอเป็นครั้งสุดท้ายในดึกคืนนั้น เพื่อการอำลาอันสมบูรณ์ แต่ขออย่างเดียวที่เป็นข้อห้ามขอพิธีนี้ ก็คือ…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงอย่าเปิดประตูฝั่งตรงข้ามออกเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องร้ายๆตามมา”

Maria รับปากหมอผี และเดินทางเข้าป่าในวันรุ่งขึ้น แต่ระหว่างพิธีกรรมในวิหาร(คืนนั้นเอง) ช่วงที่เธอคุยกับวิญญาณของลูกชายคนโต สาวเจ้าทนไม่ไหวที่ลูกชายพูดผ่านประตูออกมาว่า “แม่ครับผมรักเเละคิดถึงคุณเเม่มากๆครับ ผมคิดถึงคุณแม่ทุกคืนเปิดประตูให้ผมหน่อยสิครับ…” ใช่…เธอเผลอเปิดบานประตูต้องห้ามบานนั้นออกไป และมีบางสิ่งบางอย่างที่ไร้ชีวิตแต่มีพลังชั่วร้ายตามติดเธอกลับไปยังบ้านของเธอด้วย นับจากที่สาวเจ้าเดินทางกลับมาถึงบ้าน สมาชิกภายในครอบครัวเริ่มรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แสนอันตราย เริ่มแผ่ สัมแดงพลังอย่างน่าหวาดหวั่น ณ ที่นี้… สุนัขที่เลี้ยงไว้เริ่มเห่ายามค่ำคืน และเริ่มทำเสียงขู่เหมือนมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในรั้วบ้านบ่อยครั้ง, ลูกสาวคนเล็กเริ่มคุยกับเพื่อนที่มองไม่เห็นภายในบ้าน, เปียโนเล่นได้เอง, ปลาที่เลี้ยงไว้ภายในบ่อตายเหมือนโดนยาเบื่อ, บางสิ่งบางอย่างที่คลานขึ้นบันไดอย่างชวนสยดสยองขนหัวลุกในช่วงเวลากลางดึก, ปรากฏการณ์บางอย่างภายในบ้านที่อธิบายไม่ได้, และชายประหลาด(หมอผี ?)ที่พยายามตามติดนางเอกของเรื่องเพื่อบอกอะไรบางอย่าง ( ? ) คนดูจะได้ร่วมลุ้นกันว่าอะไรกันแน่ที่ตามติดครอบครัวนางเอกกลับมาจากวิหารโบราณ และครอบครัวนี้จะสามารถหลุดพ้นและเอาตัวรอดจากผู้ไล่ล่าไร้ตัวตนครั้งนี้ได้หรือไม่อย่างไร….


**** (ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน)
เป็นหนังแนวผีๆสางๆที่ดูได้เรื่อยๆนะ ถ้าใครเห็นชื่อของป๋า Alexandre Aja แล้วคิดว่าหนังมันต้องแรงประหนึ่งตอนที่พี่แกกำกับ High Tension / 2003 (สับ สับ สับ) ขอให้คิดใหม่ทำใหม่ครับ เพราะนี่คือหนังผีสไตล์อินเดีย-ภารตะสไตล์ขนานแท้ หนังเน้นฉากหลอกๆหลอนๆของสิ่งลี้ลับแบบ...หลอกให้หลอนเรื่อยๆ เรียบๆ ไม่ค่อยมีฉากน่าตื่นเต้นจนหัวใจวาย-ติดตาตรึงใจสุดๆเสียเท่าใดนัก คือถ้าคนดูเป็นแฟนหนังสยองขวัญที่ดูหนังแนวผีๆทั้งฝั่งตะวันตก และเอเชียมาบ่อยๆ น่าที่จะจับทางได้ไม่ยากเพราะรูปแบบ-โมเดลการหลอกขอผียังไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าที่ควร

กระนั้นก็ดีใน The Other Side of the Door / 2016 ยังคงมีข้อดีอยู่บ้าง อาทิ การที่เราได้รับภาพวัฒนธรรมใหม่ๆ(จากการดูหนังเรื่องนี้) เช่น การโดยสารรถไฟของคนอินเดีย (ภาพเด็กที่นั่งเปลลอยชั้นสองดูแปลกตาดีแท้) รวมถึงพิธีกรรมการทรงเจ้าเข้าผีแบบอินเดีย(ที่เราจะไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก) และรูปแบบทางความเชื่อของชาวอินเดีย(อันผสมผสานระหว่างรากทางความเชื่อของชาวดราวิเดียน-แขกดำ และชาวอารยัน-คนผิวขาวที่เดินทางมาจากตอนใต้ของรัสเซีย) ถ่ายเทกลายเป็นความเชื่อเกี่ยวกับ “สิ่งที่มองไม่เห็น” หรือ “ผี” ในหนังเรื่องนี้ หากใครเบื่อผีหลอก-ผีคลานในแบบอเมริกา-ญี่ปุ่นแล้ว ลองเปลี่ยนมาดูผีอินเดียหลอก-คลานขึ้นบันไดดูบ้างจะเป็นไรไป(เน๊อะ)…ก็น่ากลัว และแปลกตาดีเหมือนกันนะเออ (อิอิอิ)

* ภาพรวมหลังดูจบ…ผมให้ 7.2 / 10 คะแนนครับ ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ ดูได้เรื่อยๆ(ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ)