The Awaken หลอนวิปริต   Share

เรื่องราวของเด็กสาวที่รอดจากบ้านที่ไฟไหม้ และถูกอุปการะเลี้ยงดูต่อจาก"ป้า" แต่นานวันเข้า เธอเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ และขณะนั้นที่คนในหมู่บ้านที่เธออยู่เริ่มกลายเป็นศพทีละคน ทำให้เธอระเเวงในตัวเด็กสาว และหาความจริงเกี่ยวกับตัวเธอและอุบัติเหตุครั้งไฟไหม้

ความคิดเห็นที่ 1

นิยายของผมเองแหละ เดี๋ยวมาเริ่มแต่งครั้งหน้า
(ก็แต่งอยู่ดีๆ โปรแกรมปิดเองซะงั้น)

ความคิดเห็นที่ 2

หลอนตั้งแต่ตอนแต่งเลยนะครับ อิอิ

ความคิดเห็นที่ 3

บทนำ
เสียงกรีดร้องโหยหวน แสงไฟสีแดงพล่านราวพลุแตก ความโกลาหลแตกตื่นของผู้คน บ้านที่กำลังลุกไหม้ ความวุ่นวายที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะการเผาไหม้ของไฟ เหมือนไฟลามทุ่ง ยากที่จะแก้ไขได้ทัน
“หวออออออ” รถดับเพลิงมาถึงที่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป บ้านถูกเผาไหม้ จนเกือบหมดหลัง จนบ้านละแวกบ้านต้นเพลิง โดนเพลิงไปบางส่วน หน่วยกู้ภัยจึงเลือกที่จะดับเพลิงบ้านข้างๆ จะดีกว่า
“แดเนียล” หน่วยกู้ภัยร่างสูง ทำหน้าที่เหมือนหัวหน้า โดยนำพรรคพวกหน่วยกู้ภัยทั้งสี่คน ไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ทว่า…
“คุณคะๆ ในบ้านหลังนั้นที่ไฟไหม้นะคะ ยังมีคนติดอยู่ในนั้น เข้าไปช่วยคนในนั้นเถอะค่ะ” หญิงวัยกลางคนวิ่งมาหาแดเนียล ด้วยท่าทีที่แตกตื่นและความเป็นห่วงคนในบ้านที่ลุกไหม้ แล้วเธอคนนั้นก็ วิ่งหนีต่อ ด้วยอาการเลือดท่วมขา แต่เธอไม่มีบาดแผลเลย
ทันใด พวกเขาทั้งห้าก็ควรไปในบ้านที่จะพังแหลไม่พังแหล่

พวกเขาเข้ามาในบ้านแล้ว พวกเขาก็กำลังจะขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพื่อช่วยเหลือคนที่คาดว่าน่าจะอยู่ข้างบน เพราะข้างล่างไฟได้ลุกท่วมรอบๆที่พวกเขายืนอยู่ ซากปรักหักพังต่างๆก็ร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ พวกเขาจึงรีบขึ้นไปชั้นสองอย่างเร่งรีบ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่บ้านเกือบทุกหลังที่ไฟไหม้ทุกครั้ง…บ้านถล่ม!
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นสองของบ้านแล้วพวกเขาก็ตามหาคนที่ว่ารอดชีวิตอยู่ พวกเขาเปิดประตูดูทุกๆ ห้องแล้ว พวกเขายังไม่เจอ หากแต่เจอเถ้าถ่านไม่ก็ไฟที่กำลังลุกไหม้ พวกเขากำลังจะสิ้นหวัง แต่แดเนียลไม่คิดเช่นนั้น ชายหนุ่มฉุกคิดได้ ว่าลืมส่วนไหนของบ้านไป
“ห้องนอน!” ใช่ห้องนอน แดเนียลจึงบอกให้เพื่อนๆ ของเขา ไปหาดูที่ห้องนอน และเมื่อไปถึงห้องนอนแล้วพอจะเปิดประตูเข้าไป ปรากฏว่าประตูล๊อก! แดเนียลจึงหยิบอุปกรณ์ชนิดหนึ่งขึ้นมา น่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับการงัดแงะ หรือกู้ชีพ
“แอ๊ดดด”เมื่อประตูเปิดออก แดเนียลก็เจอกับเด็กสาวอายุประมาณแปดขวบนั่งหันหลังกอดตุ๊กตาหมีให้พวกเขา และกำลังเฝ้าศพที่ไหม้เกรียมของพ่อแม่ของเธออยู่! ท่ามกลางไฟที่ร้อนแรงรอบๆ ตัวของเธอ
“ปังงงงงงง” เสียงระเบิดอย่างรุนแรงของบ้าน ทำให้พวกเขาต้องรีบไปช่วยเหลือเด็กสาวก่อนที่บ้านจะถล่ม หนึ่งในหน่วยกู้ภัย ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว โดยการฝ่ากองไฟ ไปช่วยเด็กสาว แต่เขาไม่เป็นอะไรเพราะชุดที่พวกเขาใส่เป็นฉนวนกันไฟ เมื่อถึงตัวเด็กสาวแล้ว เขาก็รีบช้อนตัวเด็กสาวขึ้นมา ทว่าตัวบ้านเริ่มเอียง เศษกระจกปลิวว่อน โคมไฟที่ติดอยู่บนเพดานห้องตกลงมาใส่ หน่วยกู้ภัยที่ช่วยเด็กสาวคนนั้นอย่างแรง
“โอ๊ะ!” ตัวเขาทรุดลงเล็กน้อย แต่เขายังประคองตัวเองกับเด็กสาวได้อยู่ แต่ไม่นานนัก แดเนียลเห็นสภาพของเขาไม่สู้ดรนัก จึงรับช่วงต่อ โดยช้อนตัวเด็กสาว และสั่งให้หน่วยกู้ภัยอีกคนพยุงหน่วยกู้ภัยคนนั้น
“ปังงงงงงงง” เสียงระเบิดของบ้านดังตามมาอีกรอบ บ่งบอกว่าพวกเขาควรรีบออกจากบ้านให้เร็วก่อนจะกลายเป็นศพ
พวกเขาดวงดีจึงออกจากบ้านได้อย่างหวุดหวิด และบ้านก็ถล่มลงมาอย่างน่ากลัว
แดเนียลพาตัวเด็กสาวไปนั่งนรถพยาบาล คลุมผ้าห่มสีน้ำตาลที่วางอยู่ข้างให้ และยื่นโกโก้ร้อนให้เด็กสาวจิบ เพราะถึงแม้ว่าไฟจะทำให้ร้อนแต่ถึงยังไงฤดูนี้เป็นฤดูหนาว โดยเฉพะตอนกลางคืนที่หนาวกว่าตอนกลางวัน
เด็กสาวมองบ้านของตัวเองที่กำลังวอดวาย แสงจากไฟสะท้อนที่ตาสีน้ำตาลของเธอ ทำให้มันดูเหมือนกองไฟนัยน์ตา
“หนู! หนูชื่ออะไร?” ชายหนุ่มแดเนียลถามเด็กสาวด้วยอาการหงุดหงิดจากความร้อนของไฟและความเครียดจากความอบอ้าวของชุดที่ตนเองใส่อยู่ แต่เด็กสาวไม่ตอบ ยังเหม่อลอยมองบ้านตัวเองอยู่เช่นเดิม
“นี่หนู! น้าถามว่าหนูชื่ออะไร” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง เด็กสาวสะดุ้งนิดหน่อย และหันมาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และเฉื่อยชา
“อลิซเซียค่ะ” ชายหนุ่มเมื่อรู้คำตอบจากปากของเด็กสาว “อลิซเซีย” แล้ว เขาก็ปล่อยให้เธอจิบโกโก้ร้อนต่อ แล้วไปทำหน้าที่อื่น เพราะไม่อยากถามอะไรเธอต่อเพื่อให้เธอเสียขวัญไปมากกว่านี้แล้ว
ขณะนั้นเอง ที่มีรถสีดำมาจอดเทียบข้างรถพยาบาลที่อลิซเซียนั่งจิบโกโก้อยู่ และเมื่อประตูรถเปิดออก ก็เผยให้เห็นคนขับเป็นผู้หญิงที่กำลังจะเข้าวัยกลางคน ซอยผมประบ่า กางเกงยีนส์ ใส่เสื้อสีเทาแขนยาว และกำลังมองหาคนบางคนอยู่ แต่เมื่อได้เห็นหน้าของ อลิซเซียแล้ว เธอก็วิ่งเข้ามาหาเด็กสาว
“คุณป้า!” เด็กสาวขานผู้หญิงที่เข้ามาหาเธอว่า “ป้า” และ “ป้า” ก็เข้ามากอดเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ป้าคิดถึงหนูมากเลยนะ ว่าแต่…พ่อแม่หนูอยู่ไหนล่ะ ป้าอยากจะคุยกับพวกเขาหน่อย”
เมื่อเด็กสาวได้ยินคำถามนี้ คนเป็นป้าสังเกตว่าดวงตาของเธอกำลังจะสั่นคลอน คล้ายว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ.....ใช่ เธอกำลังจะร้องไห้ และป้าของเธอเห็นว่าเธอกำลังจะร้องไห้เมื่อฟังคำถามของเธอ เธอจึงรู้ว่า พ่อแม่ของเธอไม่อยู่บนโลกแล้ว
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวป้าคนนี้ จะดูแลหนูเอง” ว่าแล้วเธอก็กอดเด็กสาวอีกครั้ง ด้วยอาการน้ำตาซึม แต่ก็มีคนขัดจังหวะ
“เอ่อ...คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ใช่ไหมครับ” แดเนียลที่ยืนเงียบอยู่นาน ก็ได้เอ่ยปากถามป้าของอลิซเซีย
“ค่ะ”
“แล้วชื่ออะไรครับ?”
“ฉันชื่อเมลิซ่า ฟอร์ด พี่สาวของแม่เด็ก ป้าของเด็ก และจะเป็นผู้อุปการะเด็กคนนี้ค่ะ”
(To Be Continued)

ความคิดเห็นที่ 4

เด๋วแต่งต่อครับวันพรุ่งนี้

ความคิดเห็นที่ 5

หนุกดีคับ

ความคิดเห็นที่ 6

ขอบคุณครับ

ความคิดเห็นที่ 7

หลอนอันดับแรก
ต้นไม้แห้งเสียดสีดังแสบแก้วหู เมื่อลมพัดมาใบไม้แห้งที่อยู่ตามขอบถนนก็ปลิวว่อนที่กระจกหน้ารถสีดำ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในวันนั้น ทำให้อลิซเซียไม่มีผู้ปกครองดูแล ป้าของเธอ “เมลิซ่า ฟอร์ด” จึงรับอุปการะเธอเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องมาจากความสงสาร
และอลิซเซียก็กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยกำลังรอคอยบ้านใหม่ที่อบอุ่นของป้าภายในตัวรถ
รถได้หยุดอยู่หน้าบ้านที่ไหม้เกรียมแทบจะไม่ต่างอะไรกับตอไม้สีดำเพียงไม่กี่ตอ เพราะมีแต่โครงที่ดูไม่แข็งแรง กับเถ้าที่ฟุ้งกระจายเมื่อลมได้พัดผ่านมาที่บริเวณนี้
มาร์ค ฟอร์ด สามีของเมลิซ่าฟอร์ด ลงจากรถและดูตัวบ้านอย่างน่าสลดหดหู่ใจ และเขาก็ได้สังเกตว่าบ้านละแวกใกล้เคียงก็ได้มีรอยดำๆ คล้ายรอยไหม้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้น ซึ่งเขาได้คิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นถือว่าเป็นจุด่างพร้อยของหมู่บ้านแสก-สการ์นี้เลยก็ว่าได้
เมลิซ่าที่ยืนอยู่คู่กับสามีของเธอได้สังเกตว่าฝนเริ่มตกปรอยๆ สนามหญ้าที่พวกเขายืนอยู่ก็เริ่มจะแฉะเพราะฝน เมลิซ่าจึงสะกิดสามีของเธอให้รีบกลับบ้าน
“คุณคะ กลับบ้านได้แล้วค่ะ ฝนเริ่มจะตกแล้วนะคะ ถ้ายืนตรงนี้นานอาจจะเป็นหวัดได้นะคะ”
“โอเค งั้นกลับกัน” มาร์ค ฟอร์ด วิ่งไปที่รถของเขาและเริ่มสตาร์ทรถของเขากลับบ้าน...บ้านที่อยู่ถัดจากตรงนี้ไปอีกสี่บล็อก

ระหว่างทางของการมุ่งไปสู่บ้าน เมลิซ่ากับมาร์ค ฟอร์ดก็มีการสนทนากัน
“นี่คุณ” มาร์ค ฟอร์ด ถามภรรยาของเขา
“มีอะไรค่ะ?”
“ผมคิดว่าแกจะปรับตัวเข้ากับเราและบ้านของเราไม่ได้แน่ๆ”
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นละค่ะ?” มาร์คทำสีหน้าแบบลำบากใจ ก่อนที่จะหันมาพูดขณะที่ตอนนี้กำลังถือพวงมาลัยอยู่
“ก็ตั้งแต่แกเกิดมาเราทั้งสองคนแทบจะไม่ได้คุยกับอลิซเลยนะ คุยกันก็ตอนอวยพรวันตอนวันเกิดแกเท่านั้นแหละนะ”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกคะ เธอเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสมากเลยนะคะ แต่ถ้าเธอปรับตัวไม่ได้จริง ฉันว่า เราก็เอาความอบอุ่นของเราทั้งสองคนเนี่ย ทำให้เธอมีความสุขให้ได้ค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น แต่ใจจริงแล้ว เธอยังไม่รู้แน่ชัดว่าอลิซจะปรับตัวได้จริงรึเปล่า สิ่งที่เธอพูดก็เพียงแค่ปลอบใจเธอและสามีของเธอเท่านั้นเอง
และตอนนั้นเธอก็หันไปหาอลิซที่กำลังวาดรูปบางอย่างด้วยสีเทียน และเธอก็หันไปคุยกับสามีของเธออีกครั้ง
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก…แล้วเลิกทำหน้าบูดบึ้งซะที” เมลิซ่ายื่นมือตัวเองไปหยิกแก้มของสามีเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว
“คุณป้าคะ” เสียงเล็กน่ารักดังขึ้นมาจากเบาะหลังด้านคนขับ
“มีอะไรจ๊ะ?” เธอหันไปหาหนูน้อยอลิซอีกครั้ง
“หนูมีอะไรจะให้ดูค่ะ” ว่าแล้วเธอก็เอี้ยวไปหยิบบางอย่าง เดาว่าเป็นรูปวาดที่เธอวาดเมื่อตะกี้อย่างแน่นอน
“เดี๋ยวก่อนจ๊ะ” เมลิซ่าขัดเธอก่อนที่เธอจะหยิบภาพมาให้ดูแบบเต็มๆ
“ป้าอยากให้หนูขานป้าเป็น “แม่” จะได้มั้ย เพราะว่าต้อจากนี้ไปแล้ว “แม่”คนนี้จะดูแลหนูเหมือนแม่จริงๆของหนูเลย เผลอๆ อาจจะดีกว่าซะด้วยซ้ำ ได้มั้ยจ๊ะ”
“ค่ะ “คุณแม่”” อลิซพูดพร้อมกับยิ้มให้เมลิซ่าอย่างน่ารัก
“เอาล่ะไหนของที่อยากให้แม่ดู”
“นี่ค่ะ” เธอยื่นให้เมลิซ่าดู เธอถึงกับตต้องตกใจเมื่อได้เห็นภาพที่อลิซวาดขึ้น
To be in หลอนอันดับ 1.5

ความคิดเห็นที่ 8

แต่งได้ดีเลยละครับเนี่ย สู้ๆต่อไปครับ

ความคิดเห็นที่ 9

ขอบคุณครับเฮียเหลา

ความคิดเห็นที่ 10

หลอนอันดับ1.5
เมลิซ่าตกใจกับภาพที่อลิซยื่นให้ดูเป็นรูปที่สวย งามมากจนน่าตกใจ แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่าเด็กแปดขวบวาดเอง เป็นภาพที่มีเมลิซ่าจับมือกับอลิซและสามีของเธออยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและอบอุ่น แต่หากให้คนที่อายุมากหรือมีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลป์จะมองภาพที่อลิซวาดเป็นเพียงแค่ภาพเหยเกภาพหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับคนที่รุ่นราวคราวเดียวกันหรือคนที่มีความรู้ทางด้านศิลป์เพียงนิดจะมองภาพที่เห็นเป็นภาพที่ตระการตาเป็นอย่างมาก
มาร์คหยิบโกโก้ร้อนที่วางอยู่ข้างตัวมาดื่ม เพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายเพราะอากาศเริ่มเย็นตัวลงแล้ว แต่โกโก้กลับเย็นจึงเปิดหน้าต่างรถแทนเพื่อปิดเครื่องปรับอากาศภายในรถไม่ให้หนาวไปกว่านี้
ระหว่างนั้นเองที่รถของพวกเขาได้มาถึงบ้านของเขาแล้ว มาร์ค ฟอร์ดจึงบอกให้เมลิซ่าพาตัวอลิซไปพักข้างในก่อน เพื่ออจะได้เข้าจอดรถได้สะดวกมากขึ้น
เมื่อเมลิซ่าเข้ามาในบ้านกับอลิซแล้ว ภายในตัวบ้านดูสลัวๆ เนื่องจากยังไม่เปิดไฟ แต่เมื่ออลิซเอื้อมมือไปแตะสวิชไฟที่ไล่เลี่ยอยู่บนหัวของอลิซแล้ว ตัวบ้านก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูมีราคา ผนังบ้านที่ทาปิดด้วยสีครีม กับรูปภาพการแต่งงานของมาร์คและเมลิซ่า ฟอร์ดเมื่อสามปีที่แล้ว ตัวอลิซเองดูมีความสุขมากกับบ้านใหม่ของตน ผิดกับความคิดของของเธอและมาร์ค
"ลิซ่า อลิซเป็นอย่างไรบ้าง" มาร์คเอ่ยถามเมลิซ่าหลังจากเก็บรถเข้าโรงรถเรียบร้อยแล้ว
"ก็ดีค่ะ ดูมีความสุขดีค่ะ เห็นไหมค่ะ ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องปรับตัวได้"
"แต่เธอปรับตัวเร็วเกินไปนะ แต่ถึงก็ยังไงๆ ก็ดีไม่ใช่เรอะ?"
"ค่ะ ว่าแต่จะให้เธอ..อืมม..หมายถึงอลิซนะคะ จะไปพักที่ห้องไหนคะ ฉันว่าให้นอนที่ห้อ.."
"ห้องนอนเรานี่แหละ"
"เอ่อ ก็ได้ค่ะ ให้ยกกระเป๋าของเธอไปเก็บใส่ตู้เล็กไหมค่ะ"
"ตามใจคุณละกัน ผมไม่เกี่ยง"
"ค่ะ"
"พาอลิซไปอาบน้ำด้วยละ คืนนี้จะนอนเร็วหน่อยเพราะวันพรุ่งนี้ผมจะไปทำงานที่นิวส์ออร์ลีนส์"
"ไกลนะคะนั่น เดี๋ยวฉันจะบอกเธอให้อาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" ว่าแล้วเธอก็เรียกอลิซที่กำลังนั่งดูทีวีรีบไปอาบน้ำที่ชั้นบน พร้อมกับเดินขึ้นไปชั้นบนกับอลิซเพื่อเก็บผ้า
เธอกับอลิซมาถึงห้องนอนแล้ว เมลิซ่าเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนแล้ววางกระเป๋าของอลิซข้างๆตู้เสื้อผ้า ก่อนจะทำการจัดผ้าต่างๆ เข้าไปในตู้เล็ก
"แม่อยู่ที่นี่มานานเท่าไรแล้วคะ?" เด็กสาวที่นั่งอยู่บนเตียง จู่ๆก็เอ่ยถามเมลิซ่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่เธอกำลังควานหาผ้าขนหนูเพื่อจะยื่นให้เธออาบน้ำ
"ซัก..สามสี่ปีแล้วละ" ความจริงเธอไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะเธอเคยมีประวัติกับบ้านหลังนี้เหมือนเป็นรอยแผลเป็นในใจเลย เธอกับมาร์คไม่เคยจะบอกให้ใครอื่นเลยแม้แต่น้อย
"ค่ะ แล้ว.."
"ไม่ต้องถามอีกเข้าใจมั้ย!!" เธอรำคาญจนหันมาตะคอกใส่อลิซ แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอขวัญเสีย เธอจึงขอโทษแล้วยื่นผ้าขนหนูให้เธอไปอาบน้ำ

ฝนตกหนักสาดใส่หน้าต่างที่ปิดอยู่ในห้องนอนของพวกเขา ฟ้าแลบเหมือนกับมีใครมาเปิดปิดไฟเล่น เสียงฟ้าร้องเหมือนกับมีใครมาทุ่มตะกั่วไปๆมาๆ
ปึ้งง
นี่ไม่ใช่เสียงฟ้าร้อง แต่เป็นเสียงบางอย่างที่ดังมาจากชั้นล่าง ซึ่งนั่นทำให้เมลิซ่าตื่นขึ้นมาอย่างน่าตกใจ
และเธอก็ตื่นขึ้นมาแล้วพลิกผ้าห่มออกแล้วเดินไปชั้นล่าง ท่ามกลางความืด เพราะเธอไม่เปิดไฟ และถ้าเธอเปิดไฟ สิ่งที่เธอคิดอาจจะรู้ตัวก็ได้
แอ๊ดด
เสียงบันไดที่ดังขั้นอย่างแผ่วเบาเมื่อเธอย่างเหยียบไปทีละก้าวทีละก้าว เธอหันซ้ายขวาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านว่ามีสิ่งใดผิดแปลกไปจากเดิมรึไม่ แต่ทว่า
เพล้งง
เสียงหล่นบางอย่างดังมาจากในครัว อาจจะเป็นอลิซก็ได้ เพราะเธอหายตัวไปจากบนเตียงตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาแล้ว เธอค่อยๆ ย่องไปที่ห้องครัว
ครืนนน
เสียงฟ้าร้องยังคงดังตามมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มดีกรีความกลัวของเธอไม่น้อยเลยทีเดียว ความมืดเริ่มครอบคลุมตัวเธอ ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่วาววับ เมื่อเธอสังเกตลองเพ่งดีๆ เธอจึงเห็นอลิซกำลังถือมีดที่เปื้อนบางอย่างเป็นสีแดงสดอยู่ด้วยท่ายืนท่ามกลางความมืดที่ยากจะหาความสว่างได้
To be in หลอนอันดับ2

ความคิดเห็นที่ 11

อ่านต่อยังไง


Function Used time : 0:0:0:0