รีวิว + สปอยล์  :  Welcome to Mercy / 2018  (หนังเเนวไล่ผี / ติดเรตต้องห้ามเพราะฉาก....)


“ คือความผิดบาปของคนเป็นพ่อแม่ที่ถูกส่งผ่านไปยังลูกๆ  ตราบาปอันแสนสาหัส…. ”

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกด้วยต้นฉบับที่เป็นภาษารัสเซีย(ฟังรัสเซียไม่ออกซะด้วยสิ แต่ก็อาศัยอ่านเรื่องย่อแล้วดำน้ำดูเอาๆ  555+) ก่อนมาดูรอบ 2 เพื่อเก็บรายละเอียดแบบหยาบๆกับงานต้นฉบับภาษาอังกฤษผสมภาษาลัตเวีย(อีกที)

หนังชื่อ Welcome to Mercy / 2018  หรือ Beatus / 2018 (ชื่อฉบับ original title) เป็นหนังสยองขวัญแนวไล่ผี(เอ็กโซซิสต์)จากอเมริกาโดย Director: Tommy Bertelsen กับ Plot Keywords: ที่ผู้กำกับใส่ลงไปให้กระชับภายในหนังเรื่องนี้ว่า : มันเกี่ยวกับศาสนา, คาทอลิก, คริสเตียน, คติชนวิทยา และไสยศาสตร์!

เรื่องย่อ : หญิงสาวนางหนึ่ง Madaline (รับบทโดย Kristen Ruhlin) พร้อมลูกสาวอายุราว 10 ขวบปี ได้เดินทางกลับมายังบ้านพ่อแม่ของเธอในชนบทห่างไกลผู้คนในฤดูหนาวของประเทศลัตเวีย ภายในบ้านไม้หลังเล็กๆนี้เองที่ Madaline กลับถูกพลังงานลึกลับเข้าเล่นงานจนเกิดภาวะที่เรียกว่า “Stigmata” (Stigmata คือแผลศักดิ์สิทธิ์ คือเครื่องหมาย, แผล หรือความรู้สึกในบริเวณที่ตรงกับรอยแผลของพระเยซูเมื่อทรงถูกตรึงกางเขน) คุณแม่ของเธอจึงไปขอความช่วยเหลือจากพระและแม่ชีในท้องถิ่นของลัตเวียเพื่อช่วยคลายปมที่เกิดขึ้นและกำลังลุกลามบานปลายอย่างน่ากลัว ภายในบ้านหลังนี้….


……………………………………………………………..
****** ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
เรื่องนี้หนังดีเลยครับ ช่วงเวลาที่หนังหลอกล่อคนดู ตรงจุดนี้ผู้เขียนเองยังโดนหลอกจนหัวปั่นไปด้วยเลย(555+) หนังลำดับเหตุการณ์ต่างๆได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ เป็นหนังแนวเอ็กโซซิสต์ที่ไม่ค่อยมีจังหวะตุ้งแช่ให้ได้ตกใจกันสักเท่าไหร่ แต่หนังเน้นการเค้นอารมณ์ของตัวแสดงแทนครับ บรรยากาศของหนังเรื่องนี้ถือว่า “น่ากลัวเอาเรื่อง”  หลังดูจบ….หนังดีทีเดียว ให้ 9 / 10 คะแนนครับ (เรื่องนี้ผมว่าหนังสนุกมากๆ ชอบเป็นการส่วนตัวครับ แต่ก็นะ….หนังเรื่องนี้อาจจะไม่สนุกสำหรับทุกคนก็ได้นะเออ 555+ นานาจิตตังครับ ลิ้นใครก็ลิ้นมัน อร่อยไม่เท่ากันสักคนหรอก!)




……………………………………………………………..
****** ต่อไปนี้จะเป็นการสปอยล์หนังเรื่องนี้นะครับ (ใครยังไม่เคยรับชม โปรดกดข้ามตรงนี้ไป….)

Welcome to Mercy / 2018 / สปอยล์ (ตามความเข้าใจของผู้เขียน / ผิด-ถูก ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยนะเออ)


หนังเปิดฉากมาคือ หญิงสาวนางหนึ่งชื่อ Madaline (รับบทโดย Kristen Ruhlin) พร้อมลูกสาวอายุราว 10 ขวบปี ได้เดินทางโดยสารรถไฟ และต่อด้วยรถยนต์อีกทอดหนึ่งเพื่อเดินทางกลับมายังบ้านพ่อแม่ของเธอในชนบทห่างไกลผู้คนในฤดูหนาวท่ามกลางหิมะขาวโพลนของประเทศลัตเวีย

สาว Madaline พบว่าแม่ของเธอขังคุณพ่อไว้ภายในห้องเพราะท่านป่วย (แต่นางก็แอบแปลกใจว่าทำไมต้องล็อคประตูด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่อย่างแน่นหนาด้วยนะ แค่คนแก่เพียงคนเดียว แถมคนนั้นๆที่ถูกขังอยู่ภายในห้องคือคุณพ่อที่แก่ชราของนางด้วย / แต่นางก็เก็บความสงสัยอันนั้นไว้ในใจเงียบๆ)

กลางดึกคืนนั้นเองที่สาว Madaline แอบไปขโมยกุญแจเพื่อใช้ไขเข้าไปในห้องนอนของคุณพ่อ หลังเปิดประตูได้  ในนั้น….  นางพบว่าคุณพ่อกำลังหลับอยู่ แล้วจู่ๆท่านก็ตื่นขึ้นมาพอดี  แล้วท่านก็…คว้าแขนของลูกสาวท่านเอาไว้

วินาทีที่คุณพ่อคว้าแขนของสาว Madaline เอาไว้นี้เอง ปรากฏว่ามีบางสิ่งบางอย่างวิ่งออกมาจากตัวของคุณพ่อ  มันพุ่งเข้าใส่สาว Madaline อย่างจังเบอร์  ใช่ครับ….เจ้าบางสิ่งบางอย่างนี้เองมันกำลังสิงสู่เปลี่ยนร่างจากตัวของคุณพ่อ ย้ายมายังตัวขงลูกสาวคนสวยที่ชื่อ Madaline แทน….

รุ่งเช้า Madaline ตื่นขึ้น แล้วก็พบว่าเธอถูกมัดตรึงทั้งแขน-ขา ไว้บนเตียงนอนในห้องของคุณแม่ พร้อมกับคุณแม่-ลูกสาวของนาง และพระนักบวชชราที่ยืนเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ 

พระนักบวชชราบอกกับเธอว่า “เธอถูกปีศาจร้ายสิงสู่ วันนี้พวกเราจะมาทำพิธีไล่ปีศาจออกจากร่างของเธอกัน”

หลังจากนั้นพระนักบวชชราก็ร่ายทั้งมนต์ตรา, ไม้กางเขน, และน้ำมนต์สาดใส่นางอย่างชนิดบ้าคลั่ง จวบจนปีศาจภายในตัวนางสงบลง พระนักบวชชราบอกกับนางว่า “ขอให้ Madaline ขึ้นเรือไปที่เกาะกลางทะเลกับนักบวช เพื่อไปไล่สิ่งชั่วร้ายสุดท้ายที่แฝงร่างของเธอออกให้หมด เธอจะได้กลับมาเป็นลูกของครอบครัวนี้ และเป็นคุณแม่ของลูกสาววัย 10 ขวบปีได้ตามปกติอีกครั้ง”  Madaline ก็

สาว Madaline ฝากลูกสาวกับคุณแม่และคุณพ่อที่บ้านของนางแล้ว ก็เดินทางไปขึ้นเรือกับนักบวชชราและแม่ชี จนไปถึงเกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง ที่ทั้งเกาะมีเพียงสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคาทอลิกเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น  ที่นี่มีบาทหลวง, แม่ชี ราวๆ 15-20 คนคอยดูแล ทุกๆอาคารสาว Madaline สามารถเดินไปเที่ยวหรือสำรวจได้หมด ยกเว้นอาคารที่คล้ายหอคอยสูง ซึ่งมี…. “ประตูบานสีแดงของหอคอยที่ห้ามเปิดออกโดยเด็ดขาด” (หัวหน้าแม่ชีย้ำกับนาง)

ตัวอาคารและสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคาทอลิกบนเกาะลึกลับแห่งนี้เองที่สาว Madaline พบเจอเข้ากับปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติมากมายที่ตามมาจากบนฝั่งเพื่อรังควานนางถึงที่นี่ จนในที่สุดนางไปเจอเข้ากับสมุดบันทึกแปลกๆหลายเล่ม ได้เจอเพื่อนๆสาว(แม่ชี)ที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆนานา(ด้านการปรับตัวให้เข้ากับทุกคน) แต่แล้ววันหนึ่งสาว Madaline กลับเริ่มสงสัยในอดีตอันดำมืดของสถานที่ที่เธออาศัยอยู่แห่งนี้ และสงสัยในสิ่งชั่วร้ายที่ตามรังควานเธออย่างบ้าคลั่ง นางค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนเจอเข้ากับบ่อน้ำในห้องสมุด นางกระโดดลงไปหลายครั้ง ซึ่งหลายครั้งมันกลับคล้ายความฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น จนครั้งล่าสุดที่นางกระโดดลงไปในก้นบ่อ นางเจอเข้ากับ “กุญแจรูปทรงประหลาด”

แน่นอน….กุญแจดอกนี้สามารถใช้ไขรูของประตูบานสีแดงที่หอคอยได้  มันคือห้องที่หัวหน้าแม่ชีกำชับไว้ว่า “ห้ามเปิดออกโดยเด็ดขาด ห้ามเปิด….ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”

สาว Madaline เดินไปที่หอคอยต้องห้าม  แล้วจัดการเปิดประตูบานสีแดงออก  เข้าไปข้างใน  แล้วพบเข้ากับสมุดบันทึกหน้าปกสีดำเล่มหนึ่ง นางจึงเปิดมันออก แล้วก็อ่าน…..

มันเป็นเรื่องราวของพระนักบวชหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา กับแม่ชีสาวหน้าตาสะสวย ที่อยู่มาวันหนึ่งคนทั้งคู่กลับทำลายกำแพงแห่งศีลธรรมที่ขวางกั้นจนพังทลายลงหมดสิ้น เมื่อพระนักบวชหนุ่มจูงมือแม่ชีสาวคนสวยไปเล่นบทเซ็กซ์เร่าร้อนกันภายในโรงนาอย่างชนิดไม่เกรงกลัวบาปกรรมใดใด(ฉากต้องห้าม)

ไม่นาน…. แม่ชีสาวตั้งท้อง คนทั้งคู่รู้สึกอับอายขายขี้หน้า จึงพร้อมใจกันลาออกจากความเป็นพระนักบวชเเละแม่ชี  แล้วก็หนีออกมาจากสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคาทอลิกบนเกาะแห่งนั้น มาปลูกบ้านหลังเล็กๆอยู่กันเพียงลำพังสองคน(ซึ่งก็คือบ้านของพ่อ-แม่ ของนางเอกสาว Madaline หลังปัจจุบันนี่แหล่ะ)

ปรากฏเพราะการมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างพระนักบวชและแม่ชีนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แม้องค์กรทางศาสนาคริสต์จะไม่รู้ แต่พระเจ้าและปีศาจย่อมล่วงรู้เป็นแน่ ไม่นาน….หลังแม่ชีสาวคลอดลูกออกมาเป็นเด็กทารกเพศหญิง(ซึ่งก็คือตัวของนางเอก Madaline นี่แหล่ะ) ปรากฏว่าพอลูกสาวอายุได้ราว 10 ขวบปีกลับเจอปีศาจร้ายเข้าสิงสู่(เชื่อว่าคือบทลงโทษจากการทำผิด-ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงของคนเป็นพ่อและแม่สมัยบวชเป็นพระและแม่ชี)

ปีศาจร้ายที่เข้าสิงสู่ลูกสาวอายุราว 10 ขวบปีช่างร้ายนัก เพื่อนพระนักบวชของคุณพ่อไม่สามารถปราบปีศาจตนนี้ได้(นักบวชหนุ่มคนนี้ ก็คือนักบวชชราที่เข้ามาอาสาปราบปีศาจให้ที่บ้านของแม่นางเองในช่วงต้นเรื่องนั่นเอง) คนเป็นแม่จึงใช้พลังมนต์ตราบางอย่างดึงปีศาจออกจากตัวลูกให้เข้ามาสิงแม่แทน(หรืออาจจะเพราะปีศาจย้ายร่างมาสิงแม่แทนก็ไม่แน่ใจ)

คนเป็นสามี(อดีตพระนักบวช)รู้สึกสงสารภรรยาของตนเองเป็นอย่างมาก จึงขอให้เพื่อนพระนักบวชจับตนเองมัดเอาไว้กับเก้าอี้ แล้วเสกมนต์ตราพร้อมกับเพื่อนนักบวช ดึงปีศาจร้ายออกจากร่างของแม่ชีสาว(ภรรยา)ให้ปีศาจมาสิงร่างของตนเองแทนจนสำเร็จ

จากนั้นลูกสาว(ซึ่งก็คือสาว Madaline ถูกฝากให้ญาติในเมืองที่ห่างไกลออกไป เอาไปเลี้ยงแทน) ส่วนบ้านหลังนี้ แม่(อดีตแม่ชีสาว)ก็คอยจับพ่อ(อดีตพระนักบวช)ขังไว้ภายในห้องเพื่อสะกดวิญญาณต่อ และเพื่อไถ่บาปจากการกระทำในครั้งอดีต ไม่ให้ปีศาจร่ายออกมาเพ่นพ่านข้างนอกบ้านหลังนี้ได้ตามใจของมัน….

พอสาว Madaline อ่านหนังสือหน้าปกสีดำมาจนถึงตรงนี้  นางก็ตื่น….ฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล  ใช่ครับ  ภาพตัดกลับมาที่การไล่ผีของนักบวชชรา ภายในบ้านของแม่นางเอกอีกครั้ง (สรุปว่าภาพเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงที่นักบวชชราไล่ปีศาจร้ายภายในบ้านนางเอกจนสำเร็จแล้วชวนไปทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายต่อบนเกาะแห่งนั้น มันคือภาพที่ปีศาจสร้างไว้เพื่อสะกดนางเอกให้ไม่มีพลัง หลับอยู่ภายใต้การควบคุมของมันนั่นเองครับ)

(เหตุการณ์จริงๆ) พระนักบวชชราพยายามสู้กับปีศาจร้ายที่ออกมาจากร่างของพ่อนางเอก(ซึ่งก็คือนักบวชหนุ่มที่ไปแอบมีเพศสัมพันธ์กับแม่ชีสาวนั่นเอง) ซึ่งบัดนี้ปีศาจได้แฝงร่างของนางเอกแทน(เพราะมันเคยได้แฝงร่างครั้งหนึ่งมาแล้วในช่วงวัยเด็ก

ปีศาจร้ายแข็งแกร่งเกินไป จนในที่สุดคนเป็นแม่ยอมสละชีวิต ดึงปีศาจให้เข้าสิงสู่เพื่อจะได้ตายลงพร้อมกัน แล้ว….นางก็ทำสำเร็จ!

ร่างของแม่ที่มีปีศาจสิงสู่ตายลง พระนักบวชชรานำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อขอให้พระเจ้าให้อภัยแก่บาปที่คนทั้งสองได้เคยสร้างเอาไว้ในครั้งอดีต  ร่างของแม่ถูกไฟในโบสต์เผาไหม้จนหมดสิ้น….

นางเอกสาว Madaline จูงมือคุณพ่อและลูกสาววัย 10 ขวบของนางขึ้นรถไฟออกจากเมืองแห่งนั้นไป เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่…..

#จบ