รีวิวพิเศษหนังต้องห้าม : The House That Jack Built / 2018 (ฆาตกร-สร้าง-รัง) #ขอเตือน #ใจไม่ถึงอย่าริดูหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาด!!
“ผมกับน้องชายอายุไล่เลี่ยกันคือ 8 และ 7 ขวบ วันหนึ่งคุณแม่พาเราสองคนไปเที่ยวกับคนที่พวกเราคิดว่าน่าจะเป็นพ่อเลี้ยงคนใหม่ของคุณแม่ เราไปปิกนิกกันครับ กลางป่าแห่งหนึ่งในบริเวณที่นักเที่ยวชอบปีนขึ้นไปแอบส่องกล้องบนหอส่องสัตว์เพื่อดักยิงพวกมัน พ่อเลี้ยงสอนให้ผมรู้จักกับปืนไรเฟิล หลังจากนั้นพ่อเลี้ยงก็ไล่ให้พวกเราสามคนแม่ลูกลงจากหอส่องสัตว์ แล้ววิ่ง พ่อเลี้ยงบอกว่าลูกๆคือกวาง ส่วนแม่คือหมูป่า ผมพยายามวิ่งแล้ว แต่ถูกดักยิงเข้าที่ขาข้างซ้ายจนล้มลง คุณแม่วิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด น้องชายของผมโดนพ่อเลี้ยงยิงเข้าที่ศีรษะจนสมองกระจายล้มลงเช่นกัน แล้วพ่อเลี้ยงก็หันปากกระบอกปืนมายิงใส่กลางลำตัวของผมเหมือนกับที่เขาเคยยิงใส่กวางตัวใหญ่ พ่อเลี้ยงยังรู้สึกสนุกอยู่เลยเอาศพของเราสองคนมาตกแต่งใบหน้าให้ยิ้ม แล้วก็บังคับให้คุณแม่ปูผ้ารองพื้นแล้วนั่งทานปิกนิกกันอย่างมีความสุข คุณแม่พยายามป้อนอาหารให้แก่เราทั้งสองคนพี่น้องทั้งน้ำตา แต่พวกเราไม่กิน เพราะพวกเราตายแล้ว พ่อเลี้ยงสั่งให้แม่เป็นหมูป่า เพื่อจะได้ยิงเหมือนกับเวลาเข้าป่าทุกครั้ง ถ้าเข้าป่าแล้วไม่ได้ยิงหมูป่า พ่อเลี้ยงจะไม่มีความสุข คุณแม่ก็เล่นเป็นหมูป่าให้ สักพัก….คุณแม่ถูกยิงเข้าที่กลางหลัง แล้วก็ คุณพ่อก็เดินตามไปยิงซ้ำอีกรอบ ยิงซ้ำๆลงไปที่กลางหลังของคุณแม่จนโลหิตกระจายนองเต็มแผ่นหลัง คุณแม่นอนคว่ำหน้า ไม่หายใจแล้ว คล้ายหมูป่าที่นอนตายเพราะถูกคุณพ่อล่าและตามมาเก็บเกี่ยวผลงานเหมือนเฉกเช่นทุกครั้ง….” (ถึงตรงนี้ข้าพเจ้ากำลังกำลังนั่งคิดนอนคิด….ว่าฉากนี้ จะผ่านกองเซ็นเซอร์ของประเทศไทยรึเปล่า????)
The House That Jack Built / 2018 (ฆาตกร-สร้าง-รัง) หรือชื่อในภาษารัสเซียคือ Дом, который построил Джек / 2018 เรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญสาย Genres: Comedy | Drama | Horror | Thriller งานร่วมทุนสร้าง 4 ประเทศระหว่าง Denmark-France-Germany และ Sweden ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงล่าสุดต้อนรับการกลับมาครั้งแรกในรอบหลายปีของโคตรผู้กำกับหนังสายวิปริตตัวจริงเสียงจริงอย่าง Director: Lars von Trier กับการสร้างงานที่ตื่นตะลึงต่อศีลธรรม-ความคิดยับยั้งชั่งใจ-โหดอำมหิตจนแทบหลุดกรอบทะลุออกไปอีกโลก กับคำเล่าลือที่ว่า “หลังจากฉายไปแค่ครึ่งเรื่องในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ก็มีกลุ่มคนดูมากมายส่ายหน้า สาปแช่งผู้กำกับให้ไปตายลงนรกซะ จากนั้นกลุ่มคนดูก็พร้อมกันเดินออกจากโรงฯเพราะไม่อาจที่จะนั่งทนดูหนังเรื่องนี้ต่อจนจบได้อีกต่อไป….”
ใน The House That Jack Built / 2018 หนังนำเสนอเรื่องราวการก่อร่างสร้างตัวบ้าน และการเข้าไปสู่จิตใจของฆาตกรโรคจิตนายหนึ่งที่ชื่อ Jack (รับบทโดย Matt Dillon) โดยฆาตกรจะมานั่งบอกเล่าเรื่องราวการสร้างบ้าน(รังสำหรับเก็บซากศพเหยื่อที่ผ่านการฆาตกรรมแล้ว)ผ่านการบอกเล่าจากมุมมองของตัวฆาตกรเองในรูปแบบการนำเสนอในลักษณะ “incidents” (ภาพเหตุการณ์ / ในอดีต นำกลับมาบอกเล่าอีกครั้ง….) ฆาตกรจะมองรูปภาพของเหยื่อที่เคยฆ่าและรู้สึกชื่นชอบมากเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่ได้เชือด เลือกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวของเหยื่อคนนั้นๆ(หรือเรียกว่า การเลือกเล่าอดีตของเหยื่อแบบ “random” / การเลือกสุ่ม) หนังเรื่องนี้จะแบ่งการเล่าเรื่อง-ภาพเหตุการณ์ขณะที่ฆาตกรเชือดเหยื่อของมันออกเป็น 5 ช่วงตอน ดังต่อไปนี้….
ช่วงแรก ….จะเป็นครั้งแรกๆที่ Jack เริ่มต้นการเป็นฆาตกรโรคจิต มันค่อนข้างซับซ้อนและยากเอามากๆ ในวันที่หิมะตกหนัก เขาเจอสาวสวยนางหนึ่ง(Uma Thurman)รถจอดเสียอยู่ตรงข้างทาง เขาอาสาลงไปช่วยซ่อมรถให้ แล้วก็เพียงหาจังหวะเหมาะๆ เวลาที่ปลอดผู้คนสัญจรไปมาในเส้นทาง แล้วก็จัดการฆ่าเธอด้วยการใช้เหล็กแข็งๆฟาดเข้าไปที่หน้าของเธอแรงๆซะหลายครั้ง ใช่….เธอน่าจะตายแล้วล่ะ หลังจากนั้น Jack ก็เริ่มสนุกสนานกับการฆ่าคน เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาคือพระเจ้าที่สามารถมอบชีวิตหรือความตายให้แก่ใครก็ได้ แน่นนอนว่าบ้านที่เขาลงมือสร้างเองกับมือมีห้องเย็นสำหรับเก็บศพ และแช่แข็งมันได้เป็นปีๆ ใช่….มันเป็นห้องที่เก็บเสียงได้ด้วย และมันจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะผมจะฆ่าอีก….มันสนุกชิบหายเวลาได้ฆ่าคน!
ช่วงสอง…. Jack ปลอมตัวเป็นตำรวจ แล้วก็เดินทางไปติดต่อกับผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง เพื่อจะช่วยเหลือเธอให้ได้เงินบำนาญของสามีที่เสียชีวิต โดยอาศัยตอนที่เหยื่อเผลอเปิดประตูให้ แล้วก็เข้าไปฆาตกรรมเหยื่ออย่างวิปริต….
ช่วงสาม….เป็นตอนที่ Jack หลอกจีบแม่ม่ายเรือพ่วงลูกสองสำเร็จ จากนั้นเขาก็หลอกสามคนเม่ลูกนี้ไปปิกนิกแล้วก็ยิงทิ้ง ซึ่งผู้เขียนขอเล่าในมุมมองของเด็กที่ตาย ดังต่อไปนี้…. “ผมกับน้องชายอายุไล่เลี่ยกันคือ 8 และ 7 ขวบ วันหนึ่งคุณแม่พาเราสองคนไปเที่ยวกับคนที่พวกเราคิดว่าน่าจะเป็นพ่อเลี้ยงคนใหม่ของคุณแม่ เราไปปิกนิกกันครับ กลางป่าแห่งหนึ่งในบริเวณที่นักเที่ยวชอบปีนขึ้นไปแอบส่องกล้องบนหอส่องสัตว์เพื่อดักยิงพวกมัน พ่อเลี้ยงสอนให้ผมรู้จักกับปืนไรเฟิล หลังจากนั้นพ่อเลี้ยงก็ไล่ให้พวกเราสามคนแม่ลูกลงจากหอส่องสัตว์ แล้ววิ่ง พ่อเลี้ยงบอกว่าลูกๆคือกวาง ส่วนแม่คือหมูป่า ผมพยายามวิ่งแล้ว แต่ถูกดักยิงเข้าที่ขาข้างซ้ายจนล้มลง คุณแม่วิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด น้องชายของผมโดนพ่อเลี้ยงยิงเข้าที่ศีรษะจนสมองกระจายล้มลงเช่นกัน แล้วพ่อเลี้ยงก็หันปากกระบอกปืนมายิงใส่กลางลำตัวของผมเหมือนกับที่เขาเคยยิงใส่กวางตัวใหญ่ พ่อเลี้ยงยังรู้สึกสนุกอยู่เลยเอาศพของเราสองคนมาตกแต่งใบหน้าให้ยิ้ม แล้วก็บังคับให้คุณแม่ปูผ้ารองพื้นแล้วนั่งทานปิกนิกกันอย่างมีความสุข คุณแม่พยายามป้อนอาหารให้แก่เราทั้งสองคนพี่น้องทั้งน้ำตา แต่พวกเราไม่กิน เพราะพวกเราตายแล้ว พ่อเลี้ยงสั่งให้แม่เป็นหมูป่า เพื่อจะได้ยิงเหมือนกับเวลาเข้าป่าทุกครั้ง ถ้าเข้าป่าแล้วไม่ได้ยิงหมูป่า พ่อเลี้ยงจะไม่มีความสุข คุณแม่ก็เล่นเป็นหมูป่าให้ สักพัก….คุณแม่ถูกยิงเข้าที่กลางหลัง แล้วก็ คุณพ่อก็เดินตามไปยิงซ้ำอีกรอบ ยิงซ้ำๆลงไปที่กลางหลังของคุณแม่จนโลหิตกระจายนองเต็มแผ่นหลัง คุณแม่นอนคว่ำหน้า ไม่หายใจแล้ว คล้ายหมูป่าที่นอนตายเพราะถูกคุณพ่อล่าและตามมาเก็บเกี่ยวผลงานเหมือนเฉกเช่นทุกครั้ง….”
ช่วงที่สี่….เป็นช่วงที่ Jack เริ่มรู้สึกมีความรักจริงๆจังๆกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาเลยจับเธอแก้ผ้า ใช้ปากกาเขียนรอบราวนมของเธอ จากนั้นจับเธอมัด เอามีดหลายๆชนิดมาตั้งบนโต๊ะ ให้เธอเลือกว่าอยากโดนชำแหละด้วยมีดเล่มไหน ใช่….หลังจากนั้นการบีบหน้าอกเพื่อให้มันเต่งตึงแล้วก็ใช้มีดเชือดใต้ราวนมทั้งสองเต้าของเหยื่อ คือสิ่งที่ฆาตกรรายนี้จะมอบให้นางในฝันของเขา…. (โอ๊ววววว….ที่รัก ผมรักคุณจังเลย!)
ช่วงที่ห้า….เป็นช่วงที่ Jack เริ่มรู้สึกเทิดทูนและศรัทธาในตัวของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และ เบนิโต มุสโสลินี เขาเริ่มจับผู้คนมากมายมากักขังไว้ภายในห้องลับ เพื่อจะยิงทิ้งมันให้เหมือนตอนสังหารหมู่ที่ค่ายนรก “เอาชวิตซ์ –เบียร์เคเนา” ในประเทศโปแลนด์…. (ช่วงที่ห้า ถือว่าเป็นช่วงสุดท้าย และจะเป็นตัวจุดชนวนไปสู่ฉากจบของหนัง….)
****** ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
ตอนที่ได้อ่านคำเตือนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ที่ว่า…. “หลังจากฉายไปแค่ครึ่งเรื่องในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ก็มีกลุ่มคนดูมากมายส่ายหน้า สาปแช่งผู้กำกับให้ไปตายลงนรกซะ จากนั้นกลุ่มคนดูก็พร้อมกันเดินออกจากโรงฯเพราะไม่อาจที่จะนั่งทนดูหนังเรื่องนี้ต่อจนจบได้อีกต่อไป….”
เอ่อ….ผมเข้าใจว่ามันเป็นมุก มุกเพื่อปลุกเร้าให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง คิดในตอนนั้นจริงๆล่ะว่า ความวิปริต-ลูกโหด-ความจิตของหนังคงไม่มีอะไรมาก แต่….หลังจากผมรับชมหนังเรื่องนี้จนจบ(ตัวหลุดเซ็นเซอร์) ตัวเต็มความยาว 2.30 ชั่วโมง ขอบอก….เกือบบ้า! ผมขอเปลี่ยนความคิดล่ะ เพราะหนังมีหลายๆฉากรุนแรงแบบสุดตีนของจริงครับ โดยเฉพาะฉากไล่ยิง 3 แม่ลูกจนตายคามือของฆาตกร ดูจบเนี่ยมึนตึ๊บไปพักใหญ่ๆเลย ฉากนี้นี่เล่นเอาผมแทบคว่ำเลยล่ะ มันแรงในห้วงอารมณ์มากๆ….เขาใจเลยล่ะว่าทำไมคนดูถึงก่นด่าสาปแช่งผู้กำกับซะขนาดนั้น ฉากนี้เนี่ยๆผมเชื่อเลยว่า มีคนดูมันไม่จบ น่าจะเยอะมาก….
เอ่อ….นอกจากนี้หนังก็ยังมี ฉากบีบคอเพื่อฆ่าเหยื่อ(กล้องซูมถ่ายแบบจะๆซะด้วย) มีให้เห็นเยอะมาก เนื้อๆเน้นๆเลยโดยเฉพาะช่วงตอนที่ 2 , ฉากฆาตกรในวัยเด็กใช้สหวิงช้อนลูกเป็ดตัวเหลืองๆขึ้นมาจนพื้นน้ำ จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดข้อเท้าของลูกเป็ดออกทั้งสองข้างซะ แล้วปล่อยลงน้ำ นั่งจ้องมอง ให้มันจมน้ำตาย….ฉากนี้โคตรติดตาเหี้ยๆ!! (ฉากนี้ผู้กำกับ Lars von Trier ใจโหดมาก / แถมเด็กที่เล่นเป็นฆาตกรในวัยเด็กก็หน้าตานิ่งมากจนชวนขนหัวลุกเลยล่ะ….) นอกจากนี้ เราจะได้เห็นฉากโหดวิปริตมากมายปล่อยออกมาแบบบ้าคลั่งจนคนดูแทบเป็นบ้า! จวบจนหนังจบ…. (เหอะ เหอะ….)
มุมมองส่วนตัวผมมองนะครับว่า ตัวฆาตกร(Jack) น่าจะมีอาการทางจิตหลายๆอย่างรวมอยู่ในตัวคนเดียว ทั้งอาการ Narcissistic Personality Disorder (โรคหลงตัวเองว่าเป็นพระเจ้า), อาการ Antisocial Personality Disorders (ต่อต้านสังคม / พฤติกรรมเลือดชั่ว หรือ Bad blood), โรค Bipolar disorder (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว), โรค OCD (โรคย้ำคิดย้ำทำ) และภาวะเจ็บป่วยทางจิต คือมองว่ามีผู้ชายอีกคนคอยคุยด้วย และสั่งให้เขาฆ่าคนตลอดเวลา โดยภาพรวมฆาตกรรายนี้ Jack มันคล้ายๆกับการเอาตัวร้ายหลายๆตัวในโลกภาพยนตร์มาเทผสมรวมกันก็มิปาน…. ไล่ตั้งแต่บุคคลิกของป๋าฮันนิบาล เล็คเตอร์(จาก The Silence of the Lambs / 1991), พฟติกรรมเลือดชั่วของ เบน (ตัวเอกจาก Man Bites Dog / 1992), แล้วก็ภาวะการสร้างตัวละครในจินตนาการของเลเธอร์ เฟส หรือไม่ก็ในชีวิตจริงของฆาตกรโรคจิตอย่าง “เอ็ด กีน” (* อนึ่ง หนังบอกเล่าเรื่องราวของฆาตกรโดยผสมการเล่าวรณกรรม, ศิลปะ, และเสียงดนตรีคลาสสิคเข้าด้วยกัน กระนั้นก็ตาม มันไม่ได้ช่วยลดทอนความโหดของตัวหนังลงเลย….)
สรุป…. เรื่องนี้เป็นหนังดีเลยล่ะครับ สำหรับสายแข็งเรต 18+ และเรต 20+ โดยเฉพาะเลยนะเออ
* ขอเตือน….เด็ก, สตรีมีครรภ์, คนชรา, คนจิตอ่อน, คนโลกสวย, คนเป็นโรคหัวใจ, คนป่วยเป็นแพนิค(โรควิตกกังวล), หรือมีโรคประจำตัว….ไม่ควรรับชมหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาดนะครับ เพราะคุณอาจหัวใจวาย หรือเครียดจนตายได้ (ขอเตือน!)
สุดท้าย….ถามถึงคะแนน ผมให้ 10 / 10 คะแนนครับ หนังเรื่องนี้ สำหรับนักดูหนังสยองขวัญสายแข็งตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ…. #คุณค่าที่คุณคู่ควร!!