****** เห็นคะแนนโหวต 7.3 / 10 คะแนน by IMDB แอบประหลาดใจอย่างแรง ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้คะแนนสูงลิบในฐานะหนังสยองขวัญ : Neprijatelj / 2011 (แดนหลอนมิคสัญญี) ^_^

น้อยครั้งจริงๆที่เราจะมีโอกาสได้รับชมหนังสยองขวัญงานร่วมทุนสร้างจากประเทศเซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, โครเอเชีย, และฮังการี / หนังเรื่องนี้ มีนักดูหนังสยองขวัญรู้จักมัน น้อยเอามากๆ

Neprijatelj / 2011 (แดนหลอนมิคสัญญี) หรือ The Enemy / 2011 หนังความยาว 1.45 ชั่วโมง นี่คือหนังสยองขวัญสาย Genres: Drama-Horror-Mystery-Thriller-War งานร่วมทุนสร้างจากประเทศเซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, โครเอเชีย, และฮังการี ผลงานการกำกับของ Director: Dejan Zecevic ผมแอบสะดุดตาที่สุด และยอมหยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมารับชมเพราะคะแนนจากการโหวตของเว็บไซต์ IMDB ช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน รู้หรือเปล่าว่าจากจำนวนสมาชิกกดโหวตกว่า 2,600 คน หนังเรื่องนี้ได้รับคะแนนมากถึง 7.3 / 10 คะแนนมาแล้ว

แม้นหางานต้นฉบับของมันยากยิ่ง เราก็ดันบังเอิญไปเจอหนังตัว Full ในเว็บยูทูปเข้าพอดี เสียดายที่ความชัดแค่ 360p แต่การที่หนังฝังซับอิ้ง และเปลี่ยนเป็นภาษาไทยแบบแปลหยาบๆได้ Neprijatelj / 2011 ก็ดึงดูดเราได้ในระดับหนึ่ง

Neprijatelj / 2011 หนังบอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์จริงในสงครามบอสเนีย ซึ่งเป็นการรบด้วยปัญหาความขัดแย้งด้านชาติพันธุ์ระหว่างชาวโครแอต(นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก), ชาวเซิร์บ(นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์), และชาวบอสนีแอก(นับถือศานาอิสลาม) สงครามเริ่มปะทุในวันที่ 6 เมษายน ปี ค.ศ. 1992 เมื่อกองกำลังเซิร์บบุกโจมตีกรุงซาราเยโวเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกันชาวโครแอตก็ทำสงครามแยกดินแดนเป็นอิสระเช่นเดียวกัน สงครามเริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ กองทัพชาวเซิร์บและกองทัพของชาวโครแอตได้บุกสังหารหมู่ชาวบอสนีแอกอย่างชนิดบ้าคลั่ง สหประชาชาติจึงร้องให้นาโตส่งกำลังทหารเข้าไประงับศึก จนในที่สุดทัพของนาโตเริ่มโจมตีกองกำลังชาวเซิร์บและกองกำลังชาวโครแอตจนทั้งสองกองกำลังต้องประกาศยอมแพ้ สุดท้ายวันที่ 14 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1995 สงครามบอสเนียก็จบลง

หลังสงครามสงบ หนังก็โฟกัสลงไปที่หน่วยทหารกู้วัตถุระเบิดของเซอร์เบียหน่วยหนึ่งมีสมาชิกราว 7-8 นาย หน่วยนี้ประจำการอยู่แถวบริเวณที่เรียกว่า Banja Luka, Republic of Srpska, ในประเทศ Bosnia-Herzegovina โดยการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างจากสงครามก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆตามปกติ จวบจนวันหนึ่งเริ่มมีข่าวลือแปลกๆจากหน่วยทหารอีกหน่วย ประจำการอยู่ไม่ไกลจากหน่วยนี้มากนัก ภายในโรงงานร้าง ข่าวลือว่ากันว่า ทหารกลุ่มนั้นเริ่มสำรวจตัวอาคารร้างหลังสงครามบอสเนียสงบ พวกเขาเจอห้องๆหนึ่งถูกปิดตายทางเข้าออกทุกช่องทางด้วยผนังปูนและแผ่นไม้อย่างแน่นหนา เมื่อเปิดออก ภายในเจอชายคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างในอย่างสงบ ชายคนนี้ถูกขังอยู่ข้างในโดยปราศจากน้ำและอาหารได้อย่างไรชนิดยาวนานหลายเดือน ชายนี้เป็นใคร และเขามีชีวิตอยู่ข้างในนั้นได้อย่างไรโดยไม่ได้กิน ไม่ได้ดื่มอะไรเลยตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา นี่คือความสงสัยที่ยังไรคำตอบ

จากนั้นเรื่องมีเรื่องเล่าลือแปลกๆในหมู่ทหารรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ว่าชายที่ออกมาจากห้องมืดภายในตัวอาคารร้าง คำพูดของเขาเริ่มมีอิทธิพล ส่งผลให้ทหารภายในหน่วยนั้นหายตัวไปทีละคน บ้างก็ว่าทหารกลายเป็นบ้า ฆ่าตัวตายจนแทบหมดหน่วย ทหารจำนวน 10 นายติดอาวุธครบเริ่มฆ่าตัวตายอย่างปริศนา ตายแบบนอนเรียงกันยาวไปจนสุดห้องอย่างสยดสยอง

หลังจากเรื่องเล่าสยองขวัญเรื่องนี้ที่เล่าโดยนายทหารภายในหน่วยกู้ระเบิดจบลง ก็มีข่าวลือว่า ชายปริศนาที่อาศัยอยู่ภายในโรงงานร้างถูกจับตัวได้โดยทหารอีกกลุ่มหนึ่งของหน่วยกู้ระเบิด และกำลังนำพาตัวเขามากักบริเวณภายในตัวอาคารของหน่วยกู้ระเบิดเซอร์เบีย ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า….

****** หลังดูหนังจบ
ชอบในหลายๆฉากในหลายๆบทบาทตัวละครภายในหนังเรื่องนี้ ฉากการกู้ระเบิดทำออกมาได้ค่อนข้างดีและกดดันคนดูเอาเรื่องเลย นอกจากนั้นบรรยากาศและการถ่ายทำภายในหนังถือว่าสอบผ่าน แม้นบทสรุปของหนังผู้กำกับเลือกที่จะนำเสนอแบบปลายเปิด(ปล่อยให้คนดูคิดกันเอาเอง ว่าจะให้จบอย่างไร) แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญโทนหม่นหมองที่ดีงามอีกเรื่องหนึ่ง สมแล้วที่ได้คะแนนสูงลิบจากเว็บ IMDB แม้นหนังไม่ได้มีเทคนิคพิเศษอะไรมากมาย แต่การที่หยิบบางประเด็นมาเล่นกับจิตใจของคนดู แม้นมองไม่เห็นผี สัมผัสไม่ได้ แต่ในความมืดหลายคนก็ยังกลัวมันอยู่ดี อืมมม…. ก็ประมาณนี้ นี่แหล่ะวิธีการโจมตีจิตใจคนดูจากหนังเรื่องนี้ ให้เกิดอาการกลัวในสิ่งที่ไม่มีตัวตนแต่คิดหรือมโนสำนึกว่ามันมีตัวตนและมีพลัง น่ากลัว หลังดูจบ ค่อนไปในทางชอบครับ ให้ 8.4 / 10 คะแนน ก็สนุกดี(แต่เชื่อว่าหลายคนอาจถึงขั้นเกลียดมันไปเลย 555+ )

#แอดมินซามาร่า ^_^